“ผลการเลือกตั้ง” ออกมาแล้ว คงเห็นกันคร่าว ๆ แล้ว ว่า ใครได้ ใครสอบตก พรรคไหนเข้าวิน พรรคไหนแพ้ พรรคไหนมีโอกาสเป็น “แกนนำ” ในการ “จัดตั้งรัฐบาล”
แต่ก็เป็นเรื่องของ “การเมือง” ที่ต้องว่ากันต่อไป และคง “ไม่จบ” ง่าย ๆ ในเร็ว ๆ นี้
ส่วนเรา ๆ ท่าน ๆ ก็ได้แต่ดูอยู่วงนอก รอว่าใครจะมาเป็น “นายกรัฐมนตรี” ใครจะมาเป็น “รัฐมนตรี” ประจำกระทรวงต่าง ๆ ซึ่งกว่าจะเห็นภาพชัด ก็คงอีกซักพัก
กลับมาที่งานในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ วันนี้มี “ข้อมูล” เรื่อง “ผลไม้” มาอัปเดต และพูดได้ว่า เป็น “ข่าวดี” ของชาวสวนผลไม้
ปีนี้ “ผลผลิตผลไม้” ในภาพรวม “ทั้งประเทศ” มีปริมาณ 6.75 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 3%
ตอนนี้ ผลผลิตได้ทยอย “ออกสู่ตลาด” แล้วหลายชนิด อย่าง “มะม่วง” ก็จบฤดูกาลไปแล้ว
ส่วน “ผลไม้ภาคตะวันออก” ก็ออกแล้วเช่นเดียวกัน โดย “ทุเรียน” มีผลผลิตประมาณ 7.82 แสนตัน ออกสู่ตลาดแล้ว 5.22 แสนตัน คิดเป็น 66.7%
“มังคุด” มีผลผลิต 1.22 แสนตัน ออกแล้ว 5.85 หมื่นตัน คิดเป็น 48%
“เงาะ” มีผลผลิต 1.41 แสนตัน ออกแล้ว 6.21 หมื่นตัน คิดเป็น 44.1%
คาดว่า “อีกไม่นาน” ผลผลิตผลไม้ภาคตะวันออกก็จะออกสู่ตลาดหมด และเข้าสู่ฤดูกาลผลิตของ “ผลไม้ภาคใต้”
หลังจากผลไม้ออกสู่ตลาดหนัก ๆ เกษตรกรมี “ความกังวล” กันว่า “ราคาจะตกหรือไม่” แต่ปรากฏว่า “ไม่” สถานการณ์มีแต่ “ดีขึ้น” และ “ดีขึ้น”
ล่าสุดตัวเลข ณ วันที่ 11 พ.ค.2566 ที่ผ่านมา ราคา “ทุเรียน” ซึ่งเป็น “ราชาผลไม้” เกรด AB ขยับขึ้นเป็นกิโลกรัม (กก.) ละ 190-200 บาท เกรด C ราคากก.ละ 140-150 บาท และเกรด D ราคา 125-145 บาท
ขณะที่ “มังคุด” ที่เป็น “ราชินีผลไม้” เกรดมัน ราคาอยู่ที่ กก.ละ 175 บาท สูงสุด 200 บาท ทำสถิติ “นิวไฮ” และสูงสุดเป็น “ประวัติศาสตร์” อีกครั้ง เกรดกากลาย กก.ละ 130-145 บาท และเกรดคละ กก.ละ 120-150 บาท
พูดได้ว่า ทั้งราชา ราชินีผลไม้ของไทย ราคาปีนี้ไปไกลสุดกู่
“นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน” บอกถึงสาเหตุที่ทำให้ราคาทุเรียนและมังคุดปรับตัวสูงขึ้น ว่า มาจากความต้องการซื้อ เพื่อนำไป “ส่งออก” โดยเฉพาะมีความต้องการจาก “ตลาดจีน” เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ที่สำคัญ ปีนี้ “การขนส่ง” ยังเอื้อต่อการส่งออก เพราะถึงขณะนี้ มี “เรือใหญ่” เข้ามาเทียบท่าแล้ว 28 ลำ แต่ละลำขน “ตู้คอนเทนเนอร์” ได้มาก ทำให้ส่งออกได้มาก และราคา “ค่าระวาง” ยังปรับลดลง ยิ่งส่งผลให้ “ต้นทุนส่งออก” ลดลง ทำให้ส่งออกได้มากขึ้น
นอกเหนือจากทุเรียนและมังคุดที่ราคาดี ผลไม้ชนิดอื่น ๆ ก็ราคาดีเช่นเดียวกัน อย่าง “เงาะโรงเรียน” ที่ตอนนี้ผลผลิตกำลังออกสู่ตลาด ราคาอยู่ที่ กก.ละ 35-38 บาท
ส่วน “ผลไม้” ที่จะออกสู่ตลาดในระยะต่อไป ภาคเหนือมี “ลำไย” และ “ลิ้นจี่” ภาคใต้มี “ทุเรียน-มังคุด-เงาะ-ลองกอง” ที่ต้องติดตาม
นายวัฒนศักย์ ยืนยันว่า ช่วงผลไม้ออกในระยะต่อไป ทั้ง “ภาคเหนือ-ภาคใต้” ไม่มี “ความกังวล” เพราะได้เตรียม “มาตรการ” รับมือไว้แล้ว โดยมาตรการหลัก คือ “อมก๋อย โมเดล”
อมก๋อย โมเดล จะเป็น “หัวหอก” ในการประสานผู้ประกอบการ ห้าง ผู้ส่งออก เข้าไปรับซื้อผลผลิตใน “ราคานำตลาด” แล้วกระจายออก “นอกแหล่งผลิต” อย่างรวดเร็ว
ปีที่แล้ว ทั้งปีเฉพาะอมก๋อย โมเดล รับซื้อผลไม้และสินค้าเกษตรอื่น ๆ รวม 1.5 แสนตัน ปีนี้แค่ 6 เดือน ซื้อไปแล้วเกือบ 2 แสนตัน และจะทำต่อเนื่อง
มีตัวอย่างผลไม้ที่ประสบความสำเร็จ คือ “มะม่วง” ที่ช่วงออกมาก ก็ได้อมก๋อย โมเดลเข้าไปช่วย ทำให้ราคาดีตั้งแต่ช่วงต้นฤดู กลางฤดู และปลายฤดู
โดยจบฤดูกาล “มะม่วงฟ้าลั่น” กก.ละ 9-10 บาท เพิ่มขึ้น 64% “น้ำดอกไม้” กก.ละ 18-20 บาท เพิ่มขึ้น 36%
ได้มีโอกาสสอบถาม “นายวัฒนศักย์” ว่าทิศทางผลไม้ปีนี้จะเป็นอย่างไร ได้รับ “คำตอบ” ว่า ปีนี้จะเป็น “ปีทอง” ของชาวสวนผลไม้อีกปีหนึ่ง
เพราะตั้งแต่ผลผลิต “ออกสู่ตลาด” จนถึงปัจจุบันนี้ ยังไม่มีปัญหา “ด้านราคา” มีแต่ราคา “เพิ่มขึ้น” และคาดว่า ผลผลิตผลไม้ที่กำลังจะออกสู่ตลาดในระยะต่อไป ทั้งภาคเหนือ-ภาคใต้ ก็จะไม่มีปัญหาเช่นเดียวกัน
ไม่ให้เรียกว่า “ปีทอง” จะเรียกว่าอะไร
ที่มา- กระทรวงพาณิชย์