วันที่ 21 เมษายน 2566 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ครั้งที่ 1/2566 ผ่านระบบ VTC เพื่อเร่งขับเคลื่อนกลไกสร้างสมดุลน้ำมันปาล์ม
ที่ประชุมรับทราบ สถานการณ์ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มปี 2566 โดยภาพรวมมีเนื้อที่ผลผลิต 6.25 ล้านไร่ คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 3.58 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4.35% จากปี 2565 ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบ (CPO ) ทั้งในและต่างประเทศ มีแนวโน้มสูงขึ้น รวมทั้งรับทราบข้อเรียกร้องของชาวสวนปาล์มน้ำมันและสมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทย ที่ต้องการให้จัดทำสูตรโครงสร้างราคาปาล์มน้ำมันที่ถูกต้องร่วมกันทุกฝ่าย และขอให้พิจารณาผลักดันการใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี 10
ต่อจากนั้น ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาและเห็นชอบ โครงการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์ม เพื่อลดผลผลิตส่วนเกินปี 2566 ซึ่งมีเป้าหมาย CPO ปริมาณ 150,000 ตัน โดยมีเงื่อนไข สต๊อก CPO ในประเทศสูงกว่า 250,000 ตันและราคา CPO ในประเทศสูงกว่าราคาตลาดโลก เพื่อประสิทธิภาพการบริหารสมดุลน้ำมันปาล์มภายในประเทศ และเห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันปี 2565-2566 ที่ราคาประกันผลปาล์มทะลาย (น้ำมัน 18%) ราคา 4.00 บาท/กก. ไม่เกิน 25 ไร่ต่อครัวเรือน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้
นอกจากนี้ ที่ประชุมให้ความเห็นชอบ แนวทางการจัดทำโครงสร้างราคาผลปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม รองรับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทั้งระบบ ให้เกิดการยอมรับที่เป็นธรรมแก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ โดยเร่งให้มีการศึกษาสมการโครงสร้างราคาผลปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มไปพร้อมกันให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน
รองนายกรัฐมนตรีขอบคุณคณะกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ และการแก้ปัญหาเชิงระบบให้มีความคืบหน้าด้วยดี พร้อมทั้งเน้นย้ำ ขอให้ความสำคัญพิจารณา นำข้อเรียกร้องของชาวสวนปาล์มน้ำมันและสมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทย ไปขับเคลื่อนแก้ปัญหาให้เกิดความเหมาะสมและยอมรับร่วมกัน พร้อมทั้งขอให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มสนับสนุนให้ข้อมูลกับรัฐเพิ่มเติมถึงการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมันในภาพรวม ทั้งนี้ ขอให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำเสนอ คณะรัฐมนตรีและเร่งผลักดันโครงการต่าง ๆ ที่ผ่านความเห็นชอบแล้วให้บรรลุเป้าหมายเป็นรูปธรรมตามนโยบายของรัฐบาล