นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือทวิภาคี (Bilateral discussions) กับนายมักซิม เรียชเชสนิคอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจ สหพันธรัฐรัสเซีย ณ โรงแรม เซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ว่า ไทยได้หยิบยกประเด็นขึ้นมาหารือกับ “รัสเซีย” โดยได้แจ้งว่าไทยกับรัสเซียมีคณะอนุกรรมาธิการด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-สหพันธรัฐรัสเซีย และมีการประชุมร่วมกับมา 4 ครั้งแล้ว ครั้งต่อไปจะเป็นครั้งที่ 5 ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ จึงแจ้งให้รัฐมนตรีรัสเซียรับทราบว่าจะมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายหารือกันถึงช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมว่าจะจัดการประชุมครั้งที่ 5 เมื่อไหร่ ซึ่งทั้งสองฝ่ายแจ้งว่ามีความพร้อม
ทั้งนี้ไทยยังแจ้งความประสงค์ให้รัฐมนตรีการค้ารัสเซียทราบว่าประเทศไทยสนใจทำ FTA กับสหภาพยูเรเซียซึ่งมี 5 ประเทศประกอบด้วย รัสเซีย เบลารุส อาร์เมเนีย คาซักสถาน และคาร์กีซสถาน แต่เนื่องจากเกิดปัญหาอุปสรรคในการประสานงานเพราะประเทศไทยจำเป็นต้องใช้สถานทูตไทยในเจนีวา ในการประสานงานบางประเทศในกลุ่มสหภาพยูเรเซีย เพราะบางประเทศไม่ได้มีสถานทูตอยู่ในประเทศไทยและรัสเซีย
ส่วนประเด็นที่รัฐมนตรีรัสเซียหยิบยกประเด็นมาหารือ รัสเซียยังสนับสนุนเป้าหมายทางการค้าที่ตกลงไว้ร่วมกันว่าในปีหน้า จะทำมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ได้ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แม้ปีที่แล้วไปได้เพียง 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐก็ตาม แต่ทั้งหมดนี้ยังไม่เปลี่ยนเป้าหมาย จะพยายามทำมูลค่าการค้าระหว่างกันให้มากที่สุด
นอกจากนี้ รัสเซียประสงค์สนับสนุนให้นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น รวมทั้งขอการสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวรัสเซียสามารถใช้บัตรที่เรียกว่า MIR Card และอยากให้มีการสนับสนุนให้มี Direct Flight หรือเที่ยวบินตรง เพื่อแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างกัน
โดยไทยได้แจ้งให้ทราบว่าสำหรับการใช้ MIR Card นั้นธนาคารไทยบางธนาคารมีความสนใจและมีความก้าวหน้าในระดับหนึ่งแล้ว เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ ที่เหลือเป็นรายละเอียดของภาคเอกชนที่จะไปดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการ ส่วนในเรื่องการจัด Direct Flight เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวระหว่างกันจะแจ้งให้ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกระทรวงคมนาคมได้รับทราบต่อไป
ขณะเดียวกัน รัสเซียแจ้งว่าสนใจสินค้าจากประเทศไทย ซึ่งเป็นสินค้าที่เกี่ยวกับอาหารและยานยนต์เป็นหลัก อาหารมีทั้งข้าว และผลไม้ และชิ้นส่วนยานยนต์ และมีความสนใจมาลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะด้านไอที ขณะนี้มีนักลงทุนจากรัสเซียมาลงทุนที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะ และถือโอกาสนี้ขอเชิญชวนนักลงทุนไทยไปลงทุนที่รัสเซียด้วย โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับ”อุตสาหกรรมด้านอาหาร” ซึ่งไทยรับทราบและกระทรวงพาณิชย์จะแจ้งให้นักลงทุนรับทราบต่อไปเพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย
สำหรับ“รัสเซีย” เป็นคู่ค้าลำดับที่ 30 ของประเทศไทย โดยปีที่แล้ว (2564) มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 88,200 ล้านบาท หรือ 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปรัสเซีย 32,500 ล้านบาท หรือ 1,027 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 41% สินค้าที่ไทยส่งออกไปรัสเซีย ประกอบด้วยรถยนต์ อุปกรณ์ชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกล ผลไม้ เช่น ผลไม้กระป๋อง ผลไม้แปรรูป เป็นต้น
สำหรับการค้ากับรัสเซีย ไทยขาดดุล เพราะต้องนำเข้าน้ำมันดิบ ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืชและเหล็กมาใช้ในการผลิตทั้งภาคเกษตรและอุตสาหกรรม