จุรินทร์ ชู พ.ร.บ.ปาล์มยั่งยืน ดูแลครบวงจร ทั้งต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ

วันที่ 23 มกราคม 2566 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวประเด็นสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมันล่าสุด ที่ห้องกิติยากรวรลักษณ์ กระทรวงพาณิชย์

S 87277682
ชู พ.ร.บ.ปาล์มยั่งยืน ดูแลครบวงจร

นายจุรินทร์ กล่าวว่า สถานการณ์ที่ลานเท โรงสกัดงดรับซื้อผลปาล์มในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมายุติแล้วโรงสกัดทั้ง 131 โรงและลานเททั้งหมด 3,117 ลานเทได้เปิดรับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรแล้ว ปัญหาจราจรติดขัดและปัญหาเรื่องอื่น ๆคลี่คลายทั้งหมด 100% แล้ว ช่วยให้ราคาผลปาล์มปรับตัวดีขึ้นไปอยู่ที่ 5 บาทกว่า ซึ่งดีขึ้นกว่าช่วงสัปดาห์แรกของต้นปีที่มีการหยุดรับซื้อในบางลานเทและบางโรงสกัดเพราะช่วงปลายปีกับต้นปี ผลผลิตปาล์มปกติจะออกน้อย แต่ปีนี้ออกเยอะเป็นพิเศษเกษตรกรเร่งตัดปาล์มมากกว่าทุกปี ประกอบกับช่วงต้นปีโรงสกัดปิดซ่อมเครื่องจักรเพราะผลปาล์มน้อย เป็นเหตุผล 2 ข้อ ที่ประดังเข้ามาทำให้มีการหยุดรับซื้อ หลังตนสั่งการแก้ปัญหาทั้งหมดตอนนี้คลี่คลายแล้ว

สำหรับการแก้ปัญหาระยะยาว สิ่งที่อยากเห็นคือ อยากเห็น พ.ร.บ.ปาล์มยั่งยืนเกิดขึ้น มีสาระสำคัญคือ 1.จะช่วยให้มีกองทุนสงเคราะห์การทำสวนปาล์มเกิดขึ้น เช่นเดียวกับกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง 2.มีการจัดทำโครงสร้างกำกับราคาที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ 3. มีกฎเกณฑ์กติกากำกับดูแลเรื่องปาล์มครบวงจรเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และมีมาตรการให้ปาล์มมีความยั่งยืน เป็นประโยชน์ด้านเศรษฐกิจที่ครบวงจรต่อไป ตอนนี้ได้มีการเสนอกฎหมายนี้เข้าสู่ที่ประชุมสภาแล้ว อย่างน้อยผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนหนึ่งในการเสนอเรื่องนี้ ขณะนี้อยู่ที่รัฐบาลเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการเงินเพราะมีการจัดตั้งกองทุนต้องรอนายกฯให้คำรับรองเสียก่อนจึงจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาได้

ด้านตัวเลขการส่งออกตนนำคณะเอกชนไปอินเดีย 2 ครั้ง เพื่อเปิดตลาดน้ำมันปาล์มของไทย ทำให้ตัวเลขการส่งออกในช่วง 2 เดือนเพิ่มขึ้น 600 กว่าเปอร์เซ็นต์ พระราชบัญญัติปาล์มยั่งยืนจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยดูแลในระยะยาวทั้งระบบครบวงจร ตอนนี้มีคณะอนุกรรมการบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์ม เข้ามาดูแลโดยมีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน เพื่อพิจารณาการสนับสนุนการส่งออกน้ำมันปาล์มกิโลกรัมละ 2 บาทหรือไม่ เงื่อนไขสต๊อกน้ำมันปาล์มในประเทศเดิมกำหนดไว้ต้องเกิน 300,000 ตัน จะเร่งระบายส่งออกช่วยอุดหนุนกิโลกรัมละ 2 บาท แต่ราคาน้ำมันปาล์มต่างประเทศจะต้องถูกกว่าในประเทศด้วย ให้ไปแข่งขันต่างประเทศได้ ขณะนี้กำลังมีมติปรับลดสต๊อกลงมาไม่ต้องถึง 300,000 ตัน ให้ถึง 250,000-300,000 ตันก็เพียงพอ ทั้งหมดนี้เพื่อเร่งรัดการส่งออกและดึงราคาในประเทศ กรรมการจะมีทั้งฝ่ายราชการ เอกชนและตัวแทนเกษตรกรด้วย ทุกฝ่ายต้องช่วยกันรักษาผลประโยชน์ให้กับเกษตรกรด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงาน ก่อนหน้านี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้ตอบกระทู้ในสภาผู้แทนราษฎร ถึง 8 มาตรการพยุงราคาปาล์มให้ราคาดีขึ้น ได้แก่ 1.ออกประกาศโดยกระทรวงพาณิชย์ห้ามนำเข้าน้ำมันปาล์มทางบก เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม ต้องนำเข้าทางเรือ 2. มาตรการไบโอดีเซล 3. นำน้ำมันปาล์มส่วนเกินให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตผลิตไฟฟ้าทำให้ปริมาณในประเทศลดลงราคาก็สูงขึ้น 4. มิเตอร์ปาล์มเรียลไทม์ติดตั้งแล้ว ตรวจสอบสต๊อกได้ตลอดเวลา 5. นำคณะเอกชนเปิดตลาดปาล์มที่อินเดีย 2 ครั้ง ขายให้กับอินเดียได้มาก เช่น ปี 64 ส่งออกน้ำมันปาล์มไปอินเดียเพิ่มขึ้น 218% ปี 65 เพิ่มขึ้น 56% ไทยสามารถส่งออกน้ำมันปาล์มไปอินเดีย +418% ระบายไปต่างประเทศได้

6.มาตรการอุดหนุนผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มกิโลกรัมละ 2 บาท แต่สต๊อกในประเทศต้องเกิน 300,000 ตัน และราคาในต่างประเทศต่ำกว่าราคาในประเทศ ช่วยให้แข่งขันราคาในตลาดต่างประเทศได้ โดยมีอนุกรรมการพิจารณา 7. ราคา CPO ตลาดโลกสะท้อนราคาในประเทศกระทรวงพาณิชย์ทำโครงสร้างราคาขึ้นมาเพื่อกำกับดูแลไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเอาเปรียบ ใช้ win-win โมเดล ให้ปาล์มทั้งระบบเดินหน้าไปได้และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย มาตรการที่ 8.เมื่อใดราคาตกมีประกันรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์ม ชดเชยเงินส่วนต่างให้