โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ปลื้ม ผลการดำเนินงานโครงการ “ข้าวรักษ์โลก BCG Model นาปรัง” ใช้นวัตกรรมเพิ่มคุณค่าสินค้า ตอบโจทย์กระแสผู้บริโภคในโลกยุคปัจจุบัน ผลระยะแรกน่าพึงพอใจ เดินหน้าเร่งพัฒนาต่อระยะที่ 2
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบถึงความคืบหน้า การดำเนินการโครงการ “ข้าวรักษ์โลก BCG Model นาปรัง” ช่วยเพิ่มผลผลิตให้ชาวนา ลดต้นทุนการผลิต รักษาสิ่งแวดล้อม ตามยุทธศาสตร์ 3 น (น้ำ นา นวัตกรรม)
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า เนื่องจากการทำนา แบบดั้งเดิม ค่อนข้างส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว การกำจัดตอซังข้าว ในขณะที่เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ไม่มากเท่าที่ควร รัฐบาลจึงได้สนับสนุนโครงการ ข้าวรักษ์โลก BCG Model นาปรัง เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตให้กับชาวนาโดยเฉลี่ยต่อไร่ได้มากกว่า ช่วยลดต้นทุนการผลิต ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ตามยุทธศาสตร์ 3 น (น้ำ นา นวัตกรรม) ซึ่งผลจากการดำเนินการของโครงการในระยะที่ 1 เป็นที่น่าพึงพอใจ
โครงการข้าวรักษ์โลกนี้ เป็นต้นแบบการปฏิวัติการทำนาแบบยั่งยืน ตามแนวทางของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเกิดจากจากแนวคิดการผลิตข้าวแบบใหม่ ด้วยการนำนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้ ลดการใช้สารเคมี ลดต้นทุนการผลิต ได้ข้าวคุณภาพสูง เป็นข้าวที่ตรงตามความต้องการของตลาด ดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสามารถขายได้ในราคาที่สูงขึ้น
ระยะที่ 1 รัฐบาลส่งเสริมโครงการฯผ่านกองทุนหมู่บ้านฯนำร่องที่เชียงราย มหาสารคาม ร้อยเอ็ดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ รวม 20 กองทุน กองทุนละ 1,500,000 บาท บนพื้นที่ของโครงการ รวมกว่า10,830 ไร่ มีสมาชิกเกษตรกรเข้าร่วมโครงการฯ 2,674 คน สามารถเพิ่มผลผลิตโดยเฉลี่ย 27.07 % และลดต้นทุนการผลิตโดยเฉลี่ย 38.20 %
ขณะนี้โครงการ “ข้าวรักษ์โลก BCG Model นาปรัง”ดำเนินมาถึงระยะที่ 2 ที่จะสนับสนุน 10 จังหวัด จังหวัดละ 10 โครงการ รวม 100 โครงการ ในภาคเหนือ 4 จังหวัด, ภาคกลาง 3 จังหวัด และภาคใต้อีก 3 จังหวัด ซึ่งจะได้นำบทเรียนมาจากระยะที่ 1 ด้วย
“นายกรัฐมนตรีชื่นชมผลการดำเนินงานโครงการฯ ขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชนประชาชน ตลอดจน เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการ ที่ช่วยกันขับเคลื่อนโครงการนี้ ซึ่งผลสำเร็จจากโครงการจะช่วยส่งเสริมให้ข้าวไทยสร้างมูลค่าเพิ่มได้ยิ่งกว่าในอดีต นำรายได้เข้าประเทศให้ประสบผลสำเร็จอย่างดี นายกรัฐมนตรีหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการข้าวรักษ์โลกนี้ จะเป็นต้นแบบในการส่งต่อความสำเร็จสู่สินค้าเกษตรอื่น ๆ เพื่อให้ภาคเกษตรของไทยมีความเข้มแข็งสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ตอบโจทย์กระแสผู้บริโภคในโลกยุคปัจจุบัน ผลักดันให้ไทยเป็นแหล่งอาหาร และสินค้าเกษตรคุณภาพสูงในเวทีโลก รวมทั้งมีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” นายอนุชาฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้ออกประกาศการชดเชยส่วนต่างราคาข้าวซึ่งใช้ในการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวสำหรับงวดที่ 15 โดยมีข้าวถึง 3 ชนิดราคาสูงกว่าเป้าหมายทำให้รัฐไม่ต้องจ่ายชดเชย ได้แก่ ข้าวเปลือกปทุมธานี ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียว ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกที่มีข้าวไทยถึง 3 ชนิด ราคาสูงจนรัฐไม่ต้องจ่ายเงินชดเชย