การโอนเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2565/66 กรอบวงเงิน 18,337.50 ล้านบาท ล่าสุดกรมการค้าภายในเคาะราคามาถึงงวดที่ 15 แล้ว มีรายละเอียด ดังนี้
ประกาศคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว
เรื่อง การกำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๖๕/๖๖ (งวดที่ ๑๕)
ตามที่คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้ออกประกาศคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการ การดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี ๒๕๖๕/๖๖ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๕ ไปแล้ว นั้น
เพื่อให้การดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๖๕/๖๖ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และบรรลุวัตถุประสงค์ของรัฐบาลในการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้สูงขึ้น คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้มีมติในคราวประชุม ครั้งที่ ๓/๒๕๖๖ เมื่อวันที่ ๒o มกราคม ๒๕๖๖ เห็นชอบการกำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๖๕/๖๖ (งวดที่ ๑๕)
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๒.๑ ของคำสั่งคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ ที่ ๓/๒๕๖๒ เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ลงวันที่ ๓o สิงหาคม ๒๕๖๒ คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว จึงออกประกาศ ดังนี้
ข้อ ๑ ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงประจำวันที่ ๒0 มกราคม ๒๕๖๖ เพื่อใช้ในการชดเชยส่วนต่างตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี๒๕๖๕/๖๖ (งวดที่ ๑๕) ให้แก่เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๖๕/๖๖ ที่ระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ ๑๔ – ๒o มกราคม ๒๕๖๖ สำหรับข้าวเปลือกชนิดต่าง ๆ ณ ความชื้นไม่เกิน ๑๕ % ดังนี้
(๑) ข้าวเปลือกหอมมะลิ สิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว
(๒) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ ๑๓,๖๑๔.๘๘ บาท
(๓) ข้าวเปลือกปทุมธานี ตันละ ๑๑,๑๔๗.๙๔ บาท
(๔) ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ ๑๐,o๕๒.๗๒ บาท
(๕) ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ ๑๒,๕๔๐.๑๓ บาท
ข้อ ๒ การชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันรายได้กับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง มีอัตราส่วนต่างที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรใช้ในการจ่ายให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว สำหรับการจ่ายเงินงวดที่ ๑๕ ดังนี้
(๑) ข้าวเปลือกหอมมะลิ สิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว
(๒) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ ๓๘๕.๑๒
(๓) ข้าวเปลือกปทุมธานี ราคาสูงกว่าเป้าหมาย
(๔ )ข้าวเปลือกเจ้า ราคาสูงกว่าเป้าหมาย
(๕) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาสูงกว่าเป้าหมาย
ประกาศ ณ วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖
นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ประธานอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิง โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลักเกณฑ์การจ่ายเงินประกันรายได้ เกษตรกรที่จะมีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือจะต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2565/66 กับกรมส่งเสริมการเกษตร และต้องแจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยว เพื่อใช้เป็นข้อมูลช่วงเวลาที่เกษตรกรจะได้รับสิทธิชดเชย โดยกรมส่งเสริมการเกษตร จะจัดส่งข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จำแนกตามช่วงเวลาที่เก็บเกี่ยวและคำนวณปริมาณผลผลิต โดยใช้พื้นที่ทั้งหมดที่ขึ้นทะเบียนปลูกข้าวแต่ละชนิดคูณผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่เป็นปริมาณผลผลิตที่ต้องชดเชยส่งให้ ธ.ก.ส. ประมวลผลเพื่อดำเนินการจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงภายใน 3 วัน นับจากวันที่ได้รับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงในแต่ละรอบจากคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้ผู้ปลูกข้าว