เงินเข้าบัญชี 18 ม.ค.นี้ ..พาณิชย์ เคาะส่วนต่างข้าวงวดที่ 14 ชดเชย 3 ชนิด แต่ยอดจ่ายลดหลังราคาขึ้น

“พาณิชย์”เคาะส่วนต่างประกันรายได้ข้าว งวดที่ 14 จ่ายชดเชย 3 ชนิด ยกเว้นข้าวเปลือกปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียวที่ราคาทะลุเป้าหมาย เผยข้าวเปลือกหอมมะลิรับสูงสุด ตามด้วยข้าวเปลือกเจ้า แต่ยอดจ่ายชดเชยลดลง หลังราคาขยับขึ้น ธ.ก.ส.จะโอนเงินเข้าบัญชีในวันที่ 18 ม.ค.66 แจ้งเกษตรกรขอให้ตรวจสอบบัญชีเงินฝาก ติดต่อ ธ.ก.ส. เพื่อป้องกันความผิดพลาด ส่วนการดำเนินมาตรการเสริม เก็บข้าวเข้ายุ้งฉางแล้วกว่า 2 ล้านตัน ผู้ประกอบการค้าข้าวสต๊อกแล้วกว่า 2.3 ล้านตัน

นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2565/66 งวดที่ 14 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 7-13 ม.ค.2566 โดยมีการจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวจำนวน 3 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ และข้าวเปลือกเจ้า ส่วนข้าวเปลือกปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว ไม่ต้องจ่าย เพราะราคาสูงกว่าเป้าหมาย

%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%94 14


โดยการชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันรายได้กับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง งวดที่ 14 ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ เกณฑ์กลางตันละ 14,139.99 บาท ชดเชยตันละ 860.01 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 12,040.14 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ เกณฑ์กลางตันละ 13,540.74 บาท ชดเชยตันละ 459.26 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 7,348.16 บาท ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 9,949.63 บาท ชดเชยตันละ 50.37 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 1,511.10 บาท ส่วนข้าวเปลือกปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 11,081.16 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาประกันที่ตันละ 11,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 12,492.79 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาประกันที่ตันละ 12,000 บาท

ทั้งนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงภายใน 3 วันทำการ หรือภายในวันที่ 18 ม.ค.2566

สำหรับผลการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่าง ณ วันที่ 11 ม.ค.2566 ธ.ก.ส. ได้จ่ายเงินส่วนต่างให้เกษตรกรแล้ว ในงวดที่ 1-13 สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวภายในวันที่ 6 ม.ค.2566 จำนวน 2.575 ล้านครัวเรือน โดยการโอนเงินชดเชยส่วนต่างให้เกษตรกรที่ผ่านมา ที่มีกรณีโอนเงินไม่สำเร็จจากปัญหาด้านบัญชีเงินฝาก ซึ่ง ธ.ก.ส. ได้มีการติดตามแก้ไขปัญหาไประดับหนึ่งแล้ว ทำให้ยอดการโอนเงินให้เกษตรกรไม่สำเร็จลดลง แต่ขอให้เกษตรกรตรวจสอบบัญชีเงินฝากและติดต่อกับ ธ.ก.ส เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการรับเงินชดเชยส่วนต่างตามโครงการ เช่น กรณีปัญหา ชื่อ–สกุล ไม่ตรง บัญชีปิด บัญชีถูกอายัด หรือหากยังไม่มีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. ขอให้เกษตรกรติดต่อเปิดบัญชีใหม่กับ ธ.ก.ส. สาขาในพื้นที่ เพื่อ ธ.ก.ส. จะได้ดำเนินการโอนเงินให้แก่เกษตรกรได้ต่อไป

นายอุดม กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินมาตรการคู่ขนาน ธ.ก.ส. ได้รายงานว่า โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือก เกษตรกรและสหกรณ์ เก็บข้าวเปลือกเข้ายุ้งฉางแล้วกว่า 2 ล้านตัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งจ่ายสินเชื่อและค่าฝากเก็บให้กับเกษตรกร สำหรับการตรวจสอบสต็อกตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยของผู้ประกอบการค้าข้าว พบว่า มีการเก็บสต็อกในเดือน พ.ย.-ธ.ค.2565 แล้วกว่า 2.3 ล้านตัน ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาข้าวทุกชนิดอยู่ในระดับที่ดีในขณะนี้ ประกอบกับสถานการณ์การส่งออกข้าวสารมีความต้องการสินค้าเพื่อจัดส่งให้ทันตามคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ โดยสถานการณ์การส่งออกข้าวในปี 2565 สามารถส่งออกได้ใกล้เคียง 7.7 ล้านตัน สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 7.5 ล้านตัน และในส่วนของความต้องการใช้ภายในประเทศ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบปรุงอาหาร มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ทำให้ราคามีการปรับตัวสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม กรมฯ ได้เพิ่มการติดตามดูแลการซื้อขายข้าวเปลือก ทั้งในเรื่องของการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ รวมทั้งตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องชั่งน้ำหนักและเครื่องวัดความชื้น ซึ่งหากพบเห็นว่าท่าข้าวหรือโรงสีใด ไม่ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ กดราคารับซื้อ โกงน้ำหนัก หรือมีพฤติกรรมใด ๆ ที่เป็นการเอาเปรียบชาวนา สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร 1569

โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีที่ 4 ได้ประกันราคาข้าวเปลือก 5 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ไม่เกิน 14 ตัน ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ไม่เกิน 16 ตัน ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ไม่เกิน 30 ตัน ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ไม่เกิน 25 ตัน ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ไม่เกิน 16 ตัน