กรมการค้าต่างประเทศแจ้งข่าวชาวสวนมันสำปะหลัง จีนต้องการแอลกอฮอล์ทางการแพทย์เพิ่มขึ้น เพื่อใช้รับมือการระบาดของโควิด-19 หลังเลิกคุมเข้ม ทำราคาล่าสุดขยับเป็น 7,250 หยวนต่อตันแล้ว เผยส่งผลดีต่อผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทยที่จะนำไปใช้แปรรูปเป็นแอลกอฮอล์ แนะเกษตรกร ผู้ประกอบการรักษาคุณภาพ ย้ำจะคุมเข้มมาตรฐานทั้งนำเข้าส่งออกต่อ สร้างความเชื่อมั่นตลาดต่างประเทศต่อไป
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ติดตามสถานการณ์ราคาแอลกอฮอล์จากมันสำปะหลังในตลาดจีนอย่างใกล้ชิด พบว่า ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงปลายเดือนพ.ย.2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 6,700 หยวนต่อตัน เป็นเฉลี่ยอยู่ที่ 7,250 หยวนต่อตันในปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นว่าจีนมีความต้องการแอลกอฮอล์ทางการแพทย์เพิ่มมากขึ้น เพื่อใช้รับมือกับการระบาดของโควิด-19 ซึ่งแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วหลังการผ่อนคลายมาตรการ Zero-COVID ของจีนตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค.2565 ที่ผ่านมา จึงถือเป็นโอกาสทองของอุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทยในการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเพื่อแปรรูปเป็นแอลกอฮอล์
ทั้งนี้ กรมฯ ขอให้เกษตรกรขุดมันสำปะหลังที่มีอายุ 8-12 เดือน เพื่อรักษาคุณภาพผลผลิตให้มีน้ำหนักและเปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งที่สูง เพื่อนำมาจำหน่ายในราคาที่ดี ตลอดจนท่อนพันธุ์ที่ได้จะมีคุณภาพดีสำหรับปีการผลิตถัดไป และขอให้ผู้ประกอบการเร่งรวบรวมผลผลิตมันสำปะหลังที่มีคุณภาพดีตรงตามความต้องการของตลาด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อว่าไทยสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง
“จากข้อมูลของคณะสำรวจภาวะการผลิตและการค้ามันสำปะหลังของภาคเอกชน 4 สมาคม ได้แก่ สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย สมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย และสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่า ปริมาณผลผลิตมันสำปะหลัง อาจมีไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด เนื่องจากปัจจุบันผลผลิตบางส่วนเสียหายจากภัยธรรมชาติและโรคศัตรูพืช รวมทั้งเกษตรกรบางส่วนได้หันไปปลูกข้าวโพดทดแทนมันสำปะหลังที่เสียหายจากน้ำท่วม ซึ่งจะส่งผลดีต่อราคาหัวมันสำปะหลังสด ที่จะปรับตัวสูงขึ้น ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น”นายรณรงค์กล่าว
อย่างไรก็ตาม กรมฯ จะเข้มงวดในการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานการนำเข้าส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพสูงโดยมีความชื้นและสิ่งเจือปนต่ำ ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดในขณะนี้ และลดโอกาสที่ประเทศผู้ซื้อจะใช้ประเด็นเรื่องคุณภาพมาตรฐานเป็นข้ออ้างในการกดราคารับซื้อ เพื่อผลักดันให้ในท้ายสุดจะช่วยให้ปีการผลิต 2565/66 ถือเป็นอีกหนึ่งปีทองของพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังต่อไป
สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ในช่วง 11 เดือนของปี 2565 (ม.ค.-พ.ย.) มีปริมาณรวม 10.10 ล้านตัน มูลค่า 4,027.42 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้น 8.95% และ 14.15% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ส่งออกปริมาณรวม 9.273 ล้านตัน มูลค่า 3,528.23 ล้านเหรียญสหรัฐ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการติดตามสถานการณ์การรับซื้อมันสำปะหลัง หลังประชุมร่วมกับกรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศ และสมาคมการค้ามันสำปะหลังจาก 4 สมาคม ว่า ได้ขอให้ผู้ประกอบการรับซื้อผลผลิตมันสำปะหลังในราคาที่เป็นธรรม ไม่กดราคา หลังจากพบว่าสถานการณ์ราคามีการอ่อนตัวลง ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และได้กำชับให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัดติดตามสถานการณ์การซื้อขายมันสำปะหลังของผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิด หากพบว่าไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดให้รายงานเข้ามาได้ทันที และจะจัดการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด รวมทั้งมอบหมายให้กรมการค้าภายในและกรมการค้าต่างประเทศ เข้มงวดตรวจสอบให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายที่ทั้ง 2 กรมดูแลอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพมาตรฐานนำเข้าส่งออก ซึ่งเป็นข้ออ้างในการกดราคา