รู้จัก..“เจีย” พืชเศรษฐกิจใหม่

 เจีย (Chia Seeds) ชื่อวิทยาศาสตร์ Salvia hispanica L. ซึ่งอยู่ในวงศ์ Lamiaceae อยู่ในกลุ่มเดียวกับกระเพรา โหรพา แมงลัก เป็นพืชล้มลุกที่มีอายุเพียงฤดูเดียว มีถิ่นกำเนิดอยู่ทวีปอเมริกาเหนือแถบประเทศเม็กซิโก – กัวเตมาลา ชาวเม็กซิโกและโบลิเวียนิยมรับประทานเป็นอาหารนานกว่า 5,000 ปี

 

สภาพแวดล้อม : เจียสามารถเจริญเติบโตได้ในเขตร้อน และเขตกึ่งร้อน ช่วงความสูงที่ปลูกได้ตั้งแต่ 400 ถึง 2,500 เมตร จากระดับน้ำทะเล ช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสม 16 – 26 C โดยแหล่งผลิตหลักของโลกอยู่ที่ประเทศเม็กซิโก ส่วนในประเทศไทยปลูกมากที่จังหวัดลำปางและกาญจนบุรี 

 

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ต้นเจียมีความสูงอยู่ระหว่าง 90 -110 เซนติเมตร ดอกสีม่วง ขาว ความยาวช่อดอก 15 – 20 เซนติเมตร สีเมล็ดมี 2 สี คือ สีดำ และสีขาว น้ำหนัก 1,000 เมล็ด 1.24 – 1.43 กรัม

         

chia 1778083 960 720
เจีย

ฤดูการปลูก : ฤดูที่เหมาะสมในประเทศไทย คือช่วงปลายฤดูฝน (สิงหาคม – กันยายน) และช่วงฤดูหนาว (พฤศจิกายน – ธันวาคม)  

       

FILE 20210824 1015L8DTMBJ8MCMV 1
ต้นเจีย

วิธีการปลูก : การปลูกมี 2 วิธีการ คือ วิธีการที่ 1 ปลูกเป็นหลุม ปลูกระยะ 35 x 35 เซนติเมตร โดยการเพาะกล้า อายุ 30 วัน ปลูก 1 ต้น/หลุม ให้ผลผลิต 450 กิโลกรัมต่อไร่  วิธีการที่ 2 ปลูกแบบโรยแถว ระยะระหว่างแถว 50 เซนติเมตร อัตราเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ผลผลิต 320 – 400 กิโลกรัมต่อไร่

การดูแลรักษา : ใส่ปุ๋ยยูเรีย อัตรา 10 กิโลกรัมต่อไร่ หลังจากปลูก 25 วัน และใส่ปุ๋ย 15 -15 -15 อัตรา 15 กิโลกรัมต่อไร่ เมื่ออายุ 45 วัน

         

 วิธีการเก็บเกี่ยว : เก็บเกี่ยวผลผลิตเมล็ดเจียช่วง 95 – 135 วันหลังปลูก ที่ความแก่ 90 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเมล็ดเจียมีเยื่อหุ้มเมล็ดปิดหุ้มทำให้หลุดร่วงยาก จึงเก็บเกี่ยวในช่วงที่สุกแก่มากได้ หลักจากเก็บเกี่ยวแล้วนำมาตากให้แห้ง ประมาน 2 วัน จากนั้นนวดทำการกะเทาะเมล็ดเจียออกและทำความสะอาดโดยใช้ลมแยกเศษเปลือกออกได้

สำหรับเมล็ดเจีย เป็นเมล็ดธัญพืชชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็กคล้ายเม็ดแมงลัก ลักษณะเป็นรูปไข่ มีสีหลากหลาย เช่น สีขาว สีดำ บางครั้งมีลายเป็นจุดสีน้ำตาล น้ำตาลเข้ม สีครีม ดำ และขาว สามารถรับประทานได้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการแปรรูป และด้วยรสชาติอ่อน ๆ คล้ายถั่ว เข้ากับอาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ ง่าย จึงนิยมนำมาโรยบนเมนูต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย เช่น ซีเรียล สลัดผัก เมนูข้าว เมนูขนมปังอบทั้งหลาย หรือจะผสมกับโยเกิร์ตและเมนูเครื่องดื่มก็ได้

ประโยชน์ของเมล็ดเจีย

1.การลดน้ำหนัก  เมล็ดเจียเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการควบคุมน้ำหนัก เนื่องจากเมล็ดเจียมีการดูดซึมน้ำและผลิตเจลในปริมาณมาก คล้ายกับเมล็ดแมงลัก ซึ่งทำให้อิ่มท้องนานขึ้น อีกทั้งเมล็ดเจียให้พลังงาน โปรตีน และสารอาหารต่างๆ ที่สูงมาก ครบตามที่ร่างกายต้องการ

2.น้ำมันOmega-3 ซึ่งเป็นน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ 

3.แคลเซียมที่ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ลดการเสื่อมของกระดูกในผู้สูงอายุ

4.ไฟเบอร์ที่สูงซึ่งเป็นกากใยอาหารที่สำคัญต่อการขับถ่าย สำหรับผู้ที่ท้องผูกหรือมีปัญหาระบบขับถ่าย ไฟเบอร์จากเมล็ดเจียถือเป็นทางเลือกที่ดีมาก

5.เมล็ดเจียมี เมือก Mucilage (มูซิลเลจ) สูงมาก กากใยชนิดนี้ทำหน้าที่เป็นตัวชะลอในกระบวนการเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล มีประโยชน์กับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

6. โปรตีนสูง สูงกว่าเมล็ดแมงลักที่เป็นพืชตระกูลเดียวกัน ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมเเซมส่วนที่สึกหรอ โดยสารอาหารจะผ่านเข้าไปตามระบบไหลเวียนโลหิตแล้วไปสู่อวัยวะต่าง ๆ ซึ่งเหมาะกับทุกเพศทุกวัย 

วิธีการบริโภค 

1.รับประทานแบบเมล็ดแห้ง โรยบนสลัดหรือจะผสมในขนมปังอบ หรือใส่คุกกี้

 2.รับประทานแบบผสมน้ำเปล่า น้ำผลไม้ นม น้ำเต้าหู้ ชา กาแฟ เป็นต้น (ในอัตราส่วนน้ำ 1 แก้ว เมล็ดเจีย 1 ช้อนโต๊ะ)

 3.สามารถรับประทานได้ตลอดทั้งวัน ระหว่างมื้อ ก่อนอาหาร หรือเป็นมื้อเย็น ให้รับประทานเป็นประจำ วันละ 2 ช้อนโต๊ะ ช่วงควบคุมน้ำหนักทานได้ถึง 3 ช้อนโต๊ะ (เมล็ดแห้ง)

ที่มา :สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน)