วันที่ 18 ธันวาคม 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการจ่ายเงินโครงการประกันรายได้ข้าว สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 4 โดยราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 งวดที่ 10 สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 10-16 ธ.ค. 65 ดังนี้
1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ เกณฑ์กลางตันละ 13,924.10 บาท
2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ เกณฑ์กลางตันละ 13,401.24 บาท
3) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 10,711.69 บาท
4) ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 9,503.11 บาท
5) ข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 12,226.11 บาท
สำหรับการชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันรายได้กับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง งวดที่ 10 ดังนี้
1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ได้รับเงินชดเชยตันละ 1,075.90 บาท สูงสุดครัวเรือนละ 15,062.60 บาท
2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ได้รับเงินชดเชยตันละ 598.76 บาท ชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 9,580.16 บาท
3) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ได้รับเงินชดเชยตันละ 288.31 บาท ชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 7,207.75 บาท
4) ข้าวเปลือกเจ้า ได้รับเงินชดเชยตันละ 496.89 บาท ชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 14,906.70 บาท
5) ข้าวเปลือกเหนียว ไม่ต้องชดเชยเนื่องจากราคาเกณฑ์กลางสูงกว่าราคาเป้าหมายที่ตันละ 12,000 บาท
ทั้งนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินให้เกษตรกรภายใน 3 วันทำการ หรือภายในวันที่ 21 ธ.ค.2565 โดยมีเกษตรกรได้รับชดเชยตามข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตรงวดนี้ จำนวน 66,327 ครัวเรือน
“เกษตรเป็นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทย เป็นภาคการผลิตสำคัญที่ขับเคลื่อนจีดีพีของประเทศ ทำรายได้ให้เกษตรกรและประเทศ ไม่ต้องนำเข้าวัตถุดิบ แปรรูปส่งออกขายนอกประเทศ ประเทศไทยเป็นพื้นฐานเกษตรซึ่งทิ้งไม่ได้และไม่มีวันทิ้ง พวกเรารวมทั้งชาวนาและผู้ปลูกข้าวเป็นฐานสำคัญ ถ้าราคาตกก็ไม่ต้องกังวลเพราะรัฐบาลชุดนี้มีโครงการประกันรายได้เกษตรกร ในพืชเกษตร 5 ชนิด ถ้าราคาข้าวต่ำกว่าราคาประกัน จะมีเงินส่วนต่างโอนเข้าบัญชี ธ.ก.ส.โดยตรง ทำให้มีรายได้ 2 ทางจากขายในตลาดและส่วนต่างจากรายได้ที่ประกัน ทำให้ชาวนาอยู่ได้ซึ่งเป็นนโยบายจากพรรคประชาธิปัตย์เป็นเงื่อนไขในการเข้าร่วมรัฐบาล ทำมา 3 ปีแล้วปีนี้ขึ้นปีที่ 4 ตนจะผลักดันนโยบายนี้ต่อไป ซึ่งตนสู้เพื่อทำงานให้กับพี่น้องประชาชน”นายจุรินทร์ กล่าว
ก่อนหน้านี้ นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เปิดเผยว่า สถานการณ์ซื้อขายข้าวเปลือกในช่วงนี้ ราคาโดยรวมมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากส่งออกในปีนี้ทางสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย คาดว่าสิ้นปีจะส่งออกได้ 7.8-7.9 ล้านตัน เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 7.5 ล้านตัน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกในฤดูกาลผลิตนี้จะยังคงอยู่ในระดับที่ดีกว่าปีที่ผ่านมา
“กรมฯ ได้เพิ่มการติดตามดูแลการซื้อขายข้าวเปลือก ทั้งในเรื่องของการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ และการตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องชั่งน้ำหนักและเครื่องวัดความชื้น ซึ่งหากพบเห็นว่าท่าข้าวหรือโรงสีใด ไม่ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ กดราคารับซื้อ โกงน้ำหนัก หรือมีพฤติกรรมใดๆ ที่เป็นการเอาเปรียบชาวนา สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1569”นายอุดมกล่าว
รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ยังกล่าวอีกว่า ส่วนผลการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่าง ณ วันที่ 15 ธ.ค.2565 ธ.ก.ส. ได้จ่ายเงินส่วนต่างให้เกษตรกรแล้ว ในงวดที่ 1-9 สำหรับเกษตรกรที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวภายในวันที่ 9 ธ.ค. 2565 จำนวน 2.479 ล้านครัวเรือน โดยขอให้เกษตรกรตรวจสอบบัญชีเงินฝากและติดต่อกับ ธ.ก.ส เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการรับเงินชดเชยส่วนต่างตามโครงการ เช่น กรณีปัญหาชื่อ-สกุล ไม่ตรง บัญชีปิด บัญชีถูกอายัดหรือหากยังไม่มีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. ขอให้เกษตรกรที่ติดต่อเปิดบัญชีใหม่กับ ธ.ก.ส. สาขาในพื้นที่ เพื่อ ธ.ก.ส. จะได้ดำเนินการโอนเงินให้แก่เกษตรกรได้ต่อไป