13 พฤศจิกายน 2565 คณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ จัดเสวนาพิเศษ “ร่างกฎหมายกัญชา เพื่อกัญชาทางการแพทย์ หรือเพื่อกัญชาเสรี?” โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม. นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.จังหวัดระยอง ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ดร.นพ.บัณฑิต ศรไพศาล นักวิทยาศาสตร์ Center for Addiction and Mental Health ประเทศแคนาดา ศ.นพ.มานิต ศรีสุรภานนท์ ประธานราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย และอาจารย์ไพศาล ลิ้มสถิตย์ กรรมการบริหารศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดำเนินรายการโดย นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรค และเลขาคณะกรรมการยุทธศาสตร์ กทม.
นายองอาจ กล่าวเปิดงานเสวนาในครั้งนี้ว่า กัญชากลับมาเป็นประเด็นร้อนทางสังคมอีกครั้งเมื่อไม่มีการบรรจุร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง (ฉบับที่…) พ.ศ. .… ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ (กมธ.) พิจารณาแปรญัตติ จำนวน 95 มาตรา กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2-3 ในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันเจตนารมณ์สนับสนุนการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ทั้งนี้การที่จะให้สาธารณชนได้รับประโยชน์และได้รับข้อมูลข้อเท็จจริง พรรคจึงได้จัดเวทีเสวนา พร้อมเชิญบุคลากรทางแพทย์มาร่วมถกแถลง และให้ข้อมูลทางวิชาการ สำหรับนำไปศึกษา พิจารณา หาแนวทางแก้ไข เพราะเป็นประเด็นโยบายสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับประชาชนทุกคน หากเปิดให้กัญชาเป็นสันทนาการจะส่งผลต่อเด็ก เยาวชน ประเทศชาติในระยะยาว
ทางด้าน นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.จังหวัดระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ในขณะที่ทั่วโลกยังมองกัญชาเป็นสารเสพติด แต่ไทยกลับปลดล็อคให้เป็นแค่พืช ซึ่งหลังจากปลดล็อคแล้วจะทำให้เกิดปัญหาตามมาอย่างมากมาย ทั้งอาชญากรรม โรคจิตเภท ฯลฯ อีกทั้งทำให้สังคมแตกแยก จึงไม่ควรทำให้เป็นปรากฏการณ์มองโลกด้านเดียว แต่ต้องมองอย่างรอบด้านบนพื้นฐานของความรู้ ความถูกต้องและคุณธรรม กัญชามีทั้งคุณและโทษ ซึ่งส่วนตัวมองว่า “ควรใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ ไม่ใช่กัญชาเพื่อการพี้” แต่การนำกัญชามาใช้ทางการแพทย์ จะต้องศึกษารายละเอียดให้ครบถ้วน มีการกำหนดแนวทางการใช้ มีการควบคุมรวมถึงการระบุโรคที่ชัดเจน พร้อมกับยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์นั้นรับงานจากประชาชน และตนจะเดินหน้าสู้ในสภา วาระ 2 พร้อมคัดค้านในทุกมาตราที่นำไปสู่การเป็นกัญชาเสรีเพื่อสันทนาการ
ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่ออกมาไม่ได้มีเจตนาปกป้องประชาชนหรือเด็ก ที่มีการบอกว่าเป็นเรื่องของประชาธิปัตย์หาเสียงตนมองว่าไม่เป็นธรรม เพราะจากการลงพื้นที่พบปะประชาชน ปัญหาที่พบมากที่สุดล้วนเกิดจากยาเสพติด และนับวันจะรุนแรงมากขึ้นทั้งข่มขืน ทำร้ายร่างกาย ขณะที่ พ.ร.บ.กัญชา ที่ออกมากลับไม่มีเจตนารมย์ในการปกป้องเด็ก เยาวชนและกลุ่มเปราะบาง ไม่คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน ความมั่นคงของชาติ
นายไพศาล กล่าวว่า เท่าที่ดูจากข้อกำหนดล่าสุดที่ออกมามีลักษณะผิดเพี้ยน เพราะโดยหลักจะต้องคุมที่ตัวต้นกัญชา ไม่ใช่เพียงช่อดอก และพบว่าในอีกหลายมาตรา ยังมีปัญหาอยู่เพราะยังไม่รัดกุมเท่าที่ควร และการอนุญาตขายช่อดอก ให้กับผู้ที่ขออนุญาตนั้นก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนี้ยังเห็นว่า ร่าง พ.ร.บ. กัญชา ขาดการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่ครอบคลุม และคลุมเครือ ทำอย่างรวบรัด จึงมีปัญหาค่อนข้างเยอะ การที่ระบุว่าเป็นใช้ประโยชน์ทางการแพทย์แต่เมื่อดูดีๆ จะพบว่าเป็นการสันทนาการหรือทางเศรษฐกิจเพียงเท่านั้น
ด้าน ดร.นพ.บัณฑิต กล่าวว่า ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องเปิดเสรีกัญชาทางสันทนาการ และเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่ต้องถกกันอีกมาก ส่วน ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ก็เป็นห่วงยางที่รั่ว วิธีที่แก้คือต้องยกเลิกประกาศ และถอด พ.ร.บ.กัญชาออกจากสภาด้วย ส่วนกรณีศึกษาของประเทศแคนาคา ที่มีกัญชาเสรีเพื่อสันทนาการนั้น ตามมาด้วยมาตรการการควบคุมที่เข้มงวดชัดเจน และห้ามมิให้เยาวชนเข้าถึงโดยเด็ดขาด แต่ในกรณีของไทย กลับไม่เห็นมาตรการที่ชัดเจนสำหรับนำมาใช้ จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
ส่วน ผศ.นพ.สมิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีประชาชนกว่า 18,000 คน ที่ร่วมลงชื่อในเวปไซต์รณรงค์เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง (Change.org) รวมถึงเครือข่ายแพทย์ที่ไม่เห็นด้วยกับกัญชาเสรี และการที่ตนเองต้องออกมาพูด เพราะเห็นว่าต้องรีบเพิกถอนประกาศให้กัญชากลับไปเป็นสารเสพติด โดยมีข้อสังเกตว่าการออกกฎหมายฉบับนี้ไม่ดีตั้งแต่แรก และไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งหาก พ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่ผ่านแล้วจะมีการโทษสภา เพราะเมื่อได้ปลดล็อกกัญชาตั้งแต่แรก ก็ควรจะพิจารณาตัวร่าง พ.ร.บ. ให้ดี และควรจะต้องทำประชามติกับประชาชน ซึ่งส่วนตัวเห็นด้วยกับแนวทางการขับเคลื่อนของพรรคประชาธิปัตย์ ที่คัดค้านกัญชาเสรี ซึ่งตนได้ยื่นฟ้องศาลปกครองเพื่อเพิกถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุข ที่บังคับใช้เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 จนทำให้ต้นกัญชารวมถึงช่อดอก ถูกถอดออกจากยาเสพติด และต้องการให้กลับไปใช้ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเดิม ที่ประกาศปี 2563 ซึ่งเป็นประกาศที่ทำให้กัญชายังใช้เพื่อการแพทย์ได้
ทั้งนี้ นพ.มานิต กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ เพราะไม่เข้ากับวิถีชีวิตของคนเอเชีย และเตรียมการเรื่องระบบสุขภาพจากการใช้กัญชาน้อยมาก มีสถิติในต่างประเทศพบว่า มีผู้ป่วยจิตเภทเพิ่มมากขึ้น หลังจากมีการใช้กัญชาแบบเสรี ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่สังคมต้องได้รับรู้ข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจว่าจะเอาด้วยหรือไม่ สำหรับเรื่องเศรษฐกิจ ตนก็ไม่เชื่อว่ากัญชาจะทำให้มีเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น เพราะกัญชาที่ปลูกตามบ้านจะไม่สามารถขายกับต่างชาติได้ เนื่องจากไม่มีมาตรฐานการปลูก จึงเป็นเรื่องที่ต้องคิดหลายตลบ