กรมการค้าต่างประเทศแจ้งข่าวดีเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง หลังเตรียมจัดลงนาม MOU ซื้อขายมันเส้นและมันอัดเม็ดของไทย มูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาทต่อปี ระหว่างสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ของฟิลิปปินส์ กับ 3 สมาคมมันสำปะหลังของไทย ในวันที่ 6 พ.ย.นี้ คาดช่วยผลักดันราคาให้สูงขึ้นได้ต่อเนื่อง
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ประสานสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ของฟิลิปปินส์ (PAFMI) กำหนดจัดกิจกรรมลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างสมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย และสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย กับสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ของฟิลิปปินส์ เพื่อเจรจาซื้อขายมันเส้นและมันอัดเม็ดของไทยคิดเป็นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาทต่อปี ณ วิทยาลัยเทคนิคปากช่อง อ.ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ 6 พ.ย.2565 โดย Mr.Edwin Cabias Mapanao นายกสมาคม PAFMI จะเดินทางมาเยือนไทยเพื่อร่วมลงนามใน MOU ดังกล่าวด้วยตนเอง
“การลงนามดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่าอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ของฟิลิปปินส์ มีความต้องการมันสำปะหลังไทยสูงมาก กรมฯ จึงขอใช้โอกาสนี้แจ้งพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังว่าแม้ปัจจุบันราคามันสำปะหลังทั้งระบบอยู่ในเกณฑ์ดี โดยราคาหัวมันสดเชื้อแป้ง 25% เฉลี่ยอยู่ที่ 2.97 บาทต่อกิโลกรัม แต่กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เร่งขยายตลาดส่งออกมันสำปะหลังรองรับผลผลิตปี 2565/66 ที่กำลังจะออกสู่ตลาด เพื่อให้เกษตรกรเชื่อมั่นได้ว่าจะมีตลาดที่ดีรองรับ และสามารถจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาที่เป็นธรรมและสอดคล้องกับกลไกตลาดโลก”นายรณรงค์กล่าว
สำหรับการหาตลาดส่งออกมันสำปะหลังให้กับไทย เกิดขึ้นหลังจากที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง (นบมส.) ครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2565 ให้กรมการค้าต่างประเทศเร่งผลักดันการขยายตลาดส่งออกมันสำปะหลังไปยังฟิลิปปินส์โดยเร็วที่สุด เนื่องจากมีความต้องการนำเข้ามันสำปะหลังไทยไปใช้เป็นวัตถุดิบทางเลือกสำหรับผลิตอาหารสัตว์ ทดแทนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และธัญพืชอื่นที่มีราคาสูงอันเป็นผลมาจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
ทางด้านการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในช่วง 9 เดือนของปี 2565 (ม.ค.-ก.ย.) มีปริมาณ 8.73 ล้านตัน มูลค่า 115,478.55 ล้านบาท หรือ 3,412.53 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นการส่งออกมันเส้นและมันอัดเม็ด 36% แป้งมันสำปะหลังดิบและแปรรูป 62% สาคูและกากมัน 2% มีฟิลิปปินส์เป็นคู่ค้าอันดับ 8 ของไทย มีการส่งออกปริมาณ 115,914.95 ตัน มูลค่า 2,242.17 ล้านบาท หรือ 65.85 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 1.93% ของมูลค่าส่งออกรวม โดยสินค้าส่งออกไปยังฟิลิปปินส์ แบ่งเป็นแป้งมันสำปะหลัง 97% และสาคู 3%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “มันเส้น” เป็นอาหารสัตว์อีกประเภทหนึ่ง และเป็นที่นิยมของเกษตรกรที่เลี้ยงโค มีการใช้มันสำปะหลังในรูปมันเส้นและมันอัดเม็ดในสูตรอาหารสัตว์ชนิดต่าง ๆ มันเส้นและมันอัดเม็ดมีราคาถูกกว่าวัตถุดิบอาหารประเภทเดียวกัน เช่น ข้าวโพดหรือปลายข้าว การใช้มันสำปะหลังในการเลี้ยงสัตว์เพื่อลดต้นทุนการผลิตสัตว์ให้ต่ำลง
การที่จะได้“มันเส้น”ที่ดีต้องเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังในฤดูแล้ง และเมื่อขุดหัวมันสำปะหลังแล้วต้องตัดหัวแต่ละหัวแยกออกจากเหง้าหรือส่วนโคนออกอย่าให้เหลือ เพราะจะทำให้ย่อยยาก จากนั้นทำความสะอาดหัวมันสำปะหลังโดยการเคาะดินที่ติดมาให้หมด ซึ่งสามารถเอาเปลือกนอกของหัวมันออกได้ จากนั้นสับหัวมันขนาดชิ้นพอเหมาะ การสับนี้สามารถสับด้วยมือหรือเครื่องจักรก็ได้ แล้วตากให้แห้งซึ่งจะต้องแห้งสนิทจึงจะสามารถนำมันสำปะหลังที่ตากแห้งแล้วนั้นเข้าเครื่องบดหรือเครื่องผสมอาหาร
ส่วน “มันอัดเม็ด” เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปเบื้องต้นจากมันสำปะหลังเพื่อเป็นวัตถุดิบสำหรับอาหารสัตว์ เนื่องจากมันอัดเม็ดจะมีปริมาณสตาร์ซ (starch) สูงมากกว่า 65% จึงใช้เป็นแหล่งอาหารที่ให้พลังงานของสัตว์
วัตถุดิบของการผลิตมันสำปะหลังอัดเม็ด คือ มันสำปะหลังเส้นหรือหัวมันสำปะหลังสด นำมาบดให้ละเอียดด้วยเครื่องบด แล้วผสมน้ำมันพืชประมาณไม่เกิน 1 เปอร์เซ็นต์ แกลบหรือกากน้ำตาลเพื่อให้เม็ดมันจับตัวได้แน่นดีขึ้น แล้วนำไปอัด ภายใต้สภาวะความร้อนและความดันโดยเครื่องอัด มีลักษณะเป็นท่อนยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร ทำแห้งด้วยการอบด้วยเครื่องอบ มีความชื้นประมาณ 14%
มันสำปะหลังอัดเม็ดคุณภาพดี มีลักษณะแน่นแข็ง ไม่แตกหักง่ายในขณะทำการขนส่ง แต่ถ้าการอัดด้วยเครื่องจักรขนาดเล็ก และมีประสิทธิภาพต่ำ เม็ดมันที่ได้มักจะไม่แข็งพอ เวลาขนส่งจะแตกยุ่ยง่าย