นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2564/65 งวดที่ 12 สำหรับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่มีวันเพาะปลูกตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 – 31 มีนาคม 2565 และมีกำหนดเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 1 – 31 ตุลาคม 2565 ระยะเวลาเพาะปลูกไม่น้อยกว่า 8 เดือนแต่ไม่เกิน 12 เดือน มีสิทธิได้รับการชดเชยส่วนต่างรอบวันที่ 1 ตุลาคม 2565 โดยราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2564/65 งวดที่ 12 กิโลกรัมละ 2.97 บาท ซึ่งราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงในครั้งนี้สูงกว่าราคาเป้าหมายหรือประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 2.50 บาท จึงไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างให้แก่เกษตรกร
แต่หากเมื่อไรที่ราคาตกจนราคาต่ำกว่ารายได้ที่ประกัน เกษตรกรจะมีเงินส่วนต่างจากโครงการประกันรายได้ช่วยให้เกษตรมีราย 2 ทาง จากราคาพืชผลเกษตรที่ขายได้ในตลาดและส่วนต่างจากรายได้ที่ประกัน ทำให้พอยังชีพได้ ซึ่งดำเนินการเข้าปีที่ 4 แล้ว ในพืชเกษตร 5 ชนิด คือ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และปาล์มน้ำมัน ได้รับเสียงตอบรับจากพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศเป็นอย่างดี ที่เป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ และเป็นเงื่อนไขก่อนเข้าร่วมรัฐบาล จนเป็นนโยบายรัฐบาลและจะมีโครงการนี้ตราบเท่าที่มีรัฐบาลชุดนี้
“การทำงานอย่างหนักของรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ผลักดันการส่งออกอย่างต่อเนื่องสินค้ามันสำปะหลังเป็นที่ต้องการของตลาดและมีการดูแลเกษตรกรอย่างใกล้ชิด วันนี้ราคามันสำปะหลังตามตลาดซื้อขาย ในพื้นที่ของเกษตรกรทะลุอยู่ระหว่าง 2.85 ถึง 3.30 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว ซึ่งนโยบายประกันรายได้เป็นหลักที่ทำให้เกษตรกรมีหลักประกันที่ดีและเมื่อบริหารจัดการนโยบายได้ดี ทำให้กระตุ้นราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลดีต่อเกษตรกรทั่วประเทศ”นายจุรินทร์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มันสำปะหลังเป็นพืชอาหารที่สำคัญของประเทศในเขตร้อน โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกา อเมริกาใต้ และเอเชียบางประทศ เช่น อินโดนีเซีย อินเดีย และฟิลิปปินส์ เนื่องจากเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่สำคัญของคนและสัตว์ ซึ่งเป็นพืชอาหารในอันดับที่ 5 ของโลก รองจากข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าว และมันฝรั่ง
สำหรับประเทศไทยมันสำปะหลังถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ เกษตรกรนิยมปลูกกันมาก เพราะทนแล้ง ปลูกง่าย ศัตรูพืชน้อย มันสำปะหลังสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน หรือดินร่วนปนทรายที่มีการระบายน้ำดี ปริมาณธาตุอาหารในดินไม่สูงมาก ความเป็นกรด-ด่างอยู่ระหว่าง 5-6 และไม่เป็นดินเค็ม พื้นที่ปลูกมันสำปะหลังส่วนใหญ่อาศัยน้ำฝนเป็นหลัก ผลผลิตในแต่ละพื้นที่จึงขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝน และคุณลักษณะของดินที่ปลูกเป็นสำคัญ
แหล่งปลูกมันสำปะหลังที่สำคัญอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา กำแพงเพชร ชัยภูมิ กาญจนบุรี อุบลราชธานี สระแก้ว นครสวรรค์ เลย อุดรธานี และลพบุรี
มันสำปะหลังที่ปลูกในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 2 ชนิดคือ มันสำปะหลังชนิดหวานและชนิดขม สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน ทั้งบริโภคเป็นอาหารโดยตรง และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จากมันสำปะหลัง ได้แก่ มันเส้น มันอัดเม็ด และแป้งมันสำปะหลัง สำหรับนำไปใช้ประโยชน์ในทางอุตสาหกรรมต่าง ๆ ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตมันสำปะหลังที่สำคัญของโลก
มันสำปะหลังเป็นพืชที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจจนถึงกับได้ฉายายว่า “พืชของขวัญ” ของเกษตรกรไทย เพราะมันสำปะหลังเป็นพืชที่อยู่คู่การเพาะปลูกของเกษตรกรไทย และเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญมายาวนาน
