ภาวะน้ำท่วมในหลายภูมิภาคของไทยที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ คาดว่าจะกระทบต่อผลผลิตพืชเกษตรฤดูฝนอย่างข้าวนาปี เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลผลิตข้าวนาปีกำลังทยอยออกสู่ตลาด โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ซึ่งมีผลผลิตข้าวหอมมะลิจำนวนมาก และเป็นพื้นที่ที่พายุกำลังเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย จะทำให้มีฝนตกหนัก
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า มูลค่าความเสียหายของข้าวนาปีจากผลกระทบของน้ำท่วมในช่วงเดือนส.ค.-ต.ค.2565 น่าจะอยู่ที่ราว 2,900-3,100 ล้านบาท และน่าจะดันราคาข้าวให้ประคองตัวในระดับสูงได้ในช่วงนี้
มองต่อไป ในช่วงเดือนต.ค.2565 ไทยน่าจะยังได้รับอิทธิพลจากพายุเขตร้อนอยู่ ซึ่งจะส่งผลต่อปริมาณน้ำฝนให้อยู่ในระดับสูงเนื่องจากยังไม่สิ้นสุดฤดูฝน และอาจมีพายุเข้ามาเพิ่มเติมได้อีก จึงยังคงต้องจับตาถึงระดับความรุนแรง/จำนวนลูกของพายุที่อาจสร้างความเสียหายต่อผลผลิตข้าวนาปี เนื่องจากเป็นช่วงที่กำลังเก็บเกี่ยวผลผลิตมากขึ้น ซึ่งหากมีความรุนแรงเพิ่มจนทำให้พื้นที่ข้าวนาปีได้รับผลกระทบและเสียหายขยายเป็นวงกว้างขึ้น ก็อาจทำให้มูลค่าความเสียหายของข้าวนาปีในปี 2565 สูงกว่ากรอบบนที่ประเมินไว้ในเบื้องต้น
โดยสรุป ภาพรวมผลผลิตข้าวนาปีทั้งปี 2565 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ผลผลิตข้าวนาปีในปี 2565 อาจได้รับผลกระทบ ทั้งจากราคาปุ๋ยเคมีในระดับสูงและความเสียหายจากน้ำท่วม กดดันผลผลิตข้าวนาปีให้อยู่ที่ราว 24-25 ล้านตัน หรือลดลงร้อยละ 5.3-9.1 และเมื่อผนวกกับผลผลิตข้าวนาปรังในปีนี้ ที่คาดว่าอาจเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ราว 7.2 ล้านตัน ก็อาจดันให้ภาพรวมผลผลิตข้าวรวมทั้งปี 2565 อาจอยู่ที่ราว 31.2-32.2 ล้านตัน ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ราว 31.7 ล้านตัน และยังเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี ในช่วงเดือนพ.ย.2565 คงต้องติดตามสถานการณ์ผลผลิตข้าวที่เป็นช่วงผลผลิตข้าวนาปีออกสู่ตลาดจำนวนมากที่สุดคิดเป็นสัดส่วนราวร้อยละ 65 ของผลผลิตข้าวนาปีทั้งปี ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่สถานการณ์ฝนตกหนักได้คลี่คลายลงไปแล้วจากการสิ้นสุดฤดูฝน ทำให้มีความชื้นในดินและด้วยปริมาณน้ำที่เอื้ออำนวยในพื้นที่ส่วนใหญ่ อาจช่วยหนุนผลผลิตข้าวให้เพิ่มขึ้นได้ แต่เกษตรกรคงต้องเผชิญการถูกกดราคาจากความชื้นของข้าวที่สูง ทำให้ราคาข้าวในช่วงนี้อาจมีทิศทางที่ปรับตัวลดลงจากช่วงก่อนหน้าตามปัจจัยฉุดด้านฤดูกาลด้วย
แม้การประเมินตัวเลขความเสียหายต่อข้าวในปีนี้อาจมีมูลค่าไม่มากเมื่อเทียบกับในอดีตที่มีน้ำท่วมรุนแรงของไทยเช่นในปี 2554 (ราว 51,000 ล้านบาท) 2560 (ราว 17,000 ล้านบาท) และ 2562 (ราว 9,500 ล้านบาท) ทั้งในมิติของมูลค่าความเสียหายของข้าวและความสูญเสียทางเศรษฐกิจในภาพรวมระดับประเทศแต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสุดขั้วที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้หากเกิดภัยธรรมชาติขึ้นในอนาคต ความเสียหายต่อพื้นที่ทางการเกษตรอาจจะยิ่งมีมากขึ้นได้ สำหรับในระดับภูมิภาค
ผลกระทบจากน้ำท่วม นอกจากจะสร้างความเสียหายต่อภาคเกษตรแล้ว ยังอาจซ้ำเติมต่อภาคครัวเรือนที่เดิมเผชิญความเปราะบางด้านกำลังซื้อ ค่าครองชีพและหนี้ที่สูง
นอกจากนี้ ในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.2565 อาจต้องจับตาสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ที่อาจสร้างความเสียหายต่อผลผลิตยางพาราและปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นพืชเกษตรหลักในภาคใต้อีกด้วย
นอกจากนี้การที่อาจมีพายุลูกใหม่เข้ามาเพิ่มเติมได้อีกในช่วงเดือนต.ค. ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกชุกต่อเนื่อง น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ที่จะส่งผลกระทบต่อพืชเกษตรในฤดูกาลอย่างข้าวนาปีซึ่งเกษตรกรได้ดำเนินการปลูกไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ และอาจสร้างผลกระทบต่อผลผลิตข้าวนาปีที่กำลังทยอยเก็บเกี่ยวออกสู่ตลาดในช่วงเดือนส.ค.-ต.ค.คิดเป็นสัดส่วนราวร้อยละ 22.3 ของปริมาณผลผลิตข้าวนาปีทั้งปีนี้