วันที่ 26 กันยายน 2565 นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย นายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายกองเอกพุทธ กฤชคงพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร นายนพพร อุสิทธ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร และหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับกลุ่มเกษตรปลูกพืชกระท่อมนิคมท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งนำโดย นางเสาวนีย์ ช่วยชูหนู และ นางสาวปียะดา ผลคิด พร้อมด้วยกลุ่มเกษตรกรจังหวัดชุมพร ที่ได้เดินทางมาขอร้องทุกข์เรื่องต้นกล้ากระท่อม เนื่องจากเกษตรกรจังหวัดชุมพร มีความเดือดร้อนเพราะมีกลุ่มนายทุนและนายหน้ามาชักชวนให้ ทำสัญญาเพาะต้นกล้ากระท่อม แล้วไม่ได้มารับต้นกล้าตามกำหนด ทำให้มีความเดือดร้อนอย่างมาก เพราะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นจากการเพาะต้นกล้า และดูแลต้นกล้าต่อไปอย่างไม่มีกำหนด
ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นของพี่น้องเกษตรในวันนี้ เนื่องจากได้ปลูกพืชกระท่อม และไม่สามารถระบายออกสู่ตลาดได้ทำให้มีต้นกล้าตกค้าง จึงได้หารือช่วยกันแก้ไขปัญหา โดยทางจังหวัดได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรในเรื่องนี้โดยเฉพาะ แล้วก็จะระบายต้นกล้าเหล่านี้ไปยังพื้นที่ต่างๆ เชื่อว่ามีพี่น้องประชาชนอีกมากที่ต้องการปลูกพื้นกระท่องพันธุ์ดีของจังหวัดชุมพร คือ กระท่อมก้านแดงชุมพร รวมทั้งก้านแดงชุมพรหางกั้งอีก ซึ่งจะใช้เครือข่าย 2 ส่วนในการประสาน ประกอบด้วย เครือข่ายสหกรณ์ และ สมาพันธ์ท้องถิ่น ก็จะมีนายก อบจ. ช่วยดำเนินการ โดยเราจะรับประกันคุณภาพทุกต้น พร้อมที่จะปลูกได้เลยตอนนี้มีอยู่ประมาณ 2 ล้านต้น โดยได้แบ่งขนาดตามไซด์ S ประมาณ 30 ซม., M ประมาณ 40-50 ซม., L ประมาณ 70 ซม. และ XL ประมาณ 1 เมตรขึ้นไป ซึ่งประกันราคาไว้ที่ 20-50 บาท ตามไซด์ของต้นกล้า หากผู้สนใจก็สามารถติดต่อมาที่จังหวัดชุมพรได้เลย โทรมาที่สายด่วน 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือโทรมาที่ อบจ.ชุมพร ได้เลย และในส่วนความเดือนร้อนในเรื่องของต้นทุนของพี่น้องเกษตร ก็จะให้คณะกรรมการหารือช่วยเหลืออย่างครบวงจรต่อไป
ด้าน นางสาวเสาวนีย์ ช่วยชูหนู กล่าวว่า กลุ่มเกษตรกรปลูกพืชกระท่อม 100 กว่าราย ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากมีนายทุนและนายหน้ามาชักชวนให้ทำสัญญาเพาะต้นกล้ากระท่อม และเกษตรกรบางกลุ่มเพาะต้นกล้าตามกระแส (ผลจากที่รัฐบาลปลดล็อค เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564) แล้วไม่ได้มารับต้นกล้าตามกำหนด ขณะนี้เกษตรกรไม่สามารถขายต้นกล้าได้ ทำให้มีความเดือดร้อนมาก เพราะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นจากการเพาะต้นกล้า รวมทั้งต้องดูแลต้นกล้ามาหลายเดือนแล้ว จึงได้มาขอความอนุเคราะห์ช่วยเหลือจากทางจังหวัดชุมพร ให้รับเรื่องร้องทุกข์ และรับซื้อต้นกล้ากระท่อมของเกษตรที่เดือดร้อน ซึ่งรวมจำนวนกล้ากระท่อมที่ปลูกกันไว้แล้วประมาณ 4,335,000 ต้น และจากที่ได้รับฟังการแก้ไขปัญหาของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะ เราก็มีความพึงพอใจในระดับหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามก็ยังอยากให้ทางจังหวัดช่วยซื้อต้นกล้าของเรา ก่อนที่จะกระจายไปยังแหล่งรับซื้อต่างๆ โดยให้เงินมัดจำส่วนหนึ่งแก่เกษตรกร ซึ่งตอนนี้มีปัญหาอย่างมากเกี่ยวกับหนี้สิน เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนไปได้ เพราะต้นทุนกล้าก็ตกต้นละ 10-15 บาท แล้วก็เลี้ยงมาจนถึงตอนนี้หลายเดือนแล้วค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้นด้วย