วันที่ 22 สิงหาคม 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ครั้งที่ 3/2565 พร้อมด้วยนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและเกษตรกร ที่ห้องกิตติยากรณวรลักษณ์ ชั้น 4 ตึกสำนักงานปลัด กระทรวงพาณิชย์
นายจุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้การประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน มีข้อสรุป 3 เรื่อง
เรื่องที่หนึ่ง ที่ประชุมให้ความเห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปีที่ 4 ซึ่งดำเนินการมา 3 ปีแล้ว หลักเกณฑ์ทั้งหมดคงเดิมทุกประการ เช่นเดียวกับปีที่ 1-3 โดยจะเริ่มประกันรายได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 65 – 30 เม.ย. 67 ประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดที่เริ่มปลูกตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.65 ถึงวันที่ 31 พ.ค. 66 งวดที่หนึ่งจะเริ่มจ่ายเงินส่วนต่าง ถ้าราคาข้าวโพดต่ำกว่ากิโลกรัมละ 8.50 บาท ตามรายได้ที่ประกันตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. 65 เป็นต้นไป เตรียมงบประมาณทั้งสิ้น 1,669.8 ล้านบาท มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 452,000 ราย และที่ประชุมเห็นชอบมาตรการคู่ขนาน
ซึ่งเป็นมาตรการเช่นเดียวกับ 3 ปีที่ผ่านมาคือ ช่วยชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3 ให้กับสถาบันเกษตรกรและผู้รวบรวมข้าวโพดที่เก็บข้าวโพดไว้ไม่เร่งขายในช่วงที่ข้าวโพดออกมาก เพื่อป้องกันราคาข้าวโพดตกต่ำ จากนี้จะได้มีการนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไปตามขั้นตอน
เรื่องที่สอง โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา เป็นการปลูกในช่วงแล้ง เพื่อเพิ่มปริมาณข้าวโพด ที่มีความจำเป็นต้องใช้เป็นจำนวนมากทำวัตถุดิบอาหารสัตว์ในประเทศ เพราะความต้องการใช้ข้าวโพดในประเทศเฉลี่ยปีละ 7.98 ล้านตัน แต่เราผลิตในฤดูกาลผลิตปกติได้แค่ 4.96 ล้านตัน ยังขาดอีกเยอะมาก จำเป็นต้องส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา ปริมาณการผลิต 0.8 ล้านตัน ส่วนที่เหลือจะนำเข้าเพื่อมาชดเชยซึ่งการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนหลายมาตรการ
เช่น ให้ ธ.ก.สให้สินเชื่อเป็นกรณีพิเศษ โดยจ่ายดอกเบี้ย ร้อยละ 3.5 รัฐบาลจะช่วยร้อยละ 3 จากปกติร้อยละ 6.5 ไร่ละไม่เกิน 4,000 บาท รายละไม่เกิน 15 ไร่ หรือไม่เกิน 60,000 บาท และมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติม เช่น ประกันความเสี่ยงกรณีเกิดภัยพิบัติข้าวโพดหลังนาหรือเกิดโรคพืช ซึ่งกรณีภัยพิบัติได้รับการชดเชย 1,500 บาท/ไร่ โรคพืช 750 บาท/ไร่ โดยรัฐบาลเป็นผู้ช่วยจ่ายเบี้ยประกันให้ทั้งหมด 172 บาท/ไร่ แทนเกษตรกรร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งระยะเวลาการปลูกข้าวโพดหลังนาเริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค. 65 -15 ม.ค. 66 ใช้งบประมาณสนับสนุนทั้งสิ้น 262 ล้านบาท
เรื่องที่สาม ที่ประชุมให้ความเห็นชอบยุทธศาสตร์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี พ.ศ. 2565 -2567 เป็นเวลา 3 ปี โดยมีเป้าหมายสำคัญ 3 ด้าน
1.เพิ่มผลผลิตต่อไร่ ตั้งเป้าหมายผลผลิตต่อไร่ ข้าวโพดในฤดูปกติให้เพิ่มผลผลิตจาก 800 กก./ไร่ เป็น 1,104 กก./ไร่
ส่วนข้าวโพดหลังนาหรือที่เรียกว่าข้าวโพดแล้ง ให้เพิ่มผลผลิตจากไร่ละ 860 กก./ไร่ เป็น 1,187 กก./ไร่ ภายใน 3 ปี
2.เพิ่มพื้นที่การปลูกข้าวโพด ในพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับข้าวโพด จะเพิ่มพื้นที่รวมกันทั้งข้าวโพดฝนและข้าวโพดแล้งจากพื้นที่เดิม 801,900 ไร่ เป็น 1,106,622 ไร่ ภายใน 3 ปี
3.เร่งรัดดำเนินการปลูกหรือพัฒนาข้าวโพดคุณภาพที่ได้มาตรฐาน GAP ต่อไปต้องปลอดสารอะฟลาทอกซินหรือเชื้อราที่มักพบในข้าวโพดและก่อให้เกิดโรคมะเร็ง จะเร่งส่งเสริมการปลูกข้าวโพดคุณภาพในมาตรฐาน GAP ไม่ให้มีการเผาตอซังข้าวโพดต่อไปในอนาคต ตามเป้าหมายที่กำหนดใน 3 ปี ซึ่งจะบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้ที่ประชุมมีมติคือ 22 ส.ค. 65 เป็นต้นไป ถึงปี 67 โดยตนสั่งการให้ในการประชุมคณะกรรมการชุดนี้ทุกครั้ง ผู้ปฏิบัติที่เกี่ยวข้องจะต้องรายงานความคืบหน้าเชิงตัวเลขที่เป็นรูปธรรมให้ที่ประชุมรับทราบและพิจารณาสั่งการต่อไปทุกครั้ง