วันที่ 9 สิงหาคม 2565 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการปลูก สกัด และวิจัยพืชกัญชา กัญชงทางการแพทย์ ระหว่าง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ บริษัท ซาลัส ไบโอซูติคอล (ประเทศไทย) จำกัด วิสาหกิจชุมชนแม่แตงสมุนไพรเพื่อการแพทย์ จ.เชียงใหม่ และวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรดอยหล่อ จ.เชียงใหม่
โดยมีผู้บริหารของทั้งสี่ฝ่าย ประกอบด้วย นายแพทย์พิเชฐ บัญญัติ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นายธนดี พันธุมโกมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการบริษัท ซาลัสไบโอซูติคอล (ประเทศไทย) จำกัด นายสุธีระวัฒน์ ทองคำฟู ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแม่แตงสมุนไพรเพื่อการแพทย์ จ.เชียงใหม่ และนายนพวิชัย ยิ้มถนอม ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสมุนไพรดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ร่วมลงนาม และมีคณะผู้บริหารของทุกฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1 เชียงใหม่
นายแพทย์พิเชฐ กล่าวว่า ในปัจจุบันกัญชา กัญชง กำลังจะก้าวสู่การเป็นพืชเศรษฐกิจทางเลือกใหม่ของประเทศไทย ด้วยคุณค่าสรรพคุณและประโยชน์ที่ได้รับจากกัญชา กัญชงในทุกส่วน ทั้งเมล็ด ช่อดอก ใบ ลำต้น เปลือก ราก และเส้นใย ปัจจุบันจัดเป็นพืชที่สามารถแปรรูปทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และต่อยอดทางธุรกิจได้มากมาย
กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชงทางการแพทย์ และได้ปลดกัญชากัญชงออกจากยาเสพติด ส่งผลให้สามารถนำพืชกัญชา กัญชง มาพัฒนาและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องสำอาง และสมุนไพรได้ นับเป็นโอกาสที่เกษตรกรและทุกภาคส่วนจะได้ร่วมกันพัฒนาและผลักดันกัญชากัญชงให้เป็นพืชเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะการปรับปรุงสายพันธุ์และเทคโนโลยีการปลูกให้เหมาะสม การผลิตสารสกัด การศึกษาวิจัยใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องสำอาง ต่อยอดในเชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม
ความร่วมมือกันครั้งนี้มีระยะเวลาในการดำเนินการ 5 ปี โดยมีวัตถุประสงค์ในการศึกษา วิจัย และการพัฒนาสายพันธุ์พืชกัญชา กัญชง ให้มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งแต่การปลูก การเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับพื้นที่และสภาวะแวดล้อมที่ปลูก การพัฒนาและรวบรวมสายพันธุ์เพื่อให้ได้สายพันธุ์ที่มีสารสำคัญสูงและเป็นแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพ การผลิตสารสกัดและแปรรูปพืชกัญชากัญชงให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดและได้มาตรฐานสากล
นอกจากนี้ยังมีการดำเนินการร่วมกันในด้านการศึกษาและพัฒนาบุคลากร การถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีแก่บุคลากรและการใช้ทรัพยากร ของทั้งสี่ฝ่าย เช่น ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ สถานที่ อุปกรณ์เครื่องมือ ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้โครงการตามบันทึกความร่วมมือนี้ประสบความสำเร็จ นายแพทย์พิเชฐ กล่าว