วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ได้มีการออกแถลงการณ์สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย มีเนื้อหาว่า ตามที่สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทยได้ร่วมประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมีนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมและได้ร่วมพิจารณามาตรการช่วยเหลือด้านราคาข้าวนาปรังปีการผลิต2568 ดังนี้
- ขยายโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปรัง ช่วยค่าฝากเก็บ 1,500 บาท/ตัน ระยะเวลา 1-5 เดือน ในพื้นที่ 72 จังหวัด ปริมาณ 15 ล้านต้น วงเงิน 1,219.13 ล้านบาท
- การเพิ่มช่องทางการตลาดในประเทศโดยเปิดจุดรับซื้อ รัฐสนับสนุนค่าบริหารจัดการตันละ 500 บาท ผู้ประกอบการช่วยซื้อในราคานำตลาด 300 บาทต่อตัน เป้าหมาย 300,000 ตัน ในพื้นที่ 72 จังหวัด งบประมาณ 150 ล้านบาท เป็นทางเลือกให้กับเกษตรกรที่ต้องการจะขายเลย
- โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อกข้าว ช่วยดอกเบี้ยผู้ประกอบการ 6%สำหรับผู้ประกอบการเก็บสต็อก 2 – 6 เดือน และผู้ประกอบการรับซื้อราคาสูงกว่าตลาด 200 บ./ตัน ขึ้นไป เป้าหมาย2 ล้านตัน วงเงิน 524.40 ล้านบาท
ทั้ง 3 มาตรการ ใช้งบประมาณรวม 1,893.53 ล้านบาท
ทั้งนี้ทางสมาคมชาวนนาและเกษตรกรไทย โดยนายปราโมทย์ เจริญศิลป์ (นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย) นายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์ (ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย) ได้ชี้แจงรายละเอียด ข้อจำกัด และขีดความสามารถของมาตรการดังกล่าวถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับการใช้งบประมาณการเปิดช่องโอกาสให้เกิดการทุจริตเชิงนโยบาย รวมถึงความไม่พร้อมในเรื่ององค์ประกอบในสถาบันที่ร่วมโครงการ
และที่สำคัญ มาตรการต่างๆ ที่ยังไม่ตรงตามความเดือดร้อนของเกษตรกรที่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือดังนั้นเพื่อเป็นไปตามมติกรรมการสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย จึงเห็นพ้องว่า มาตรการทั้งหมด มิได้ตอบสนองความเดือดร้อนของเกษตรกรโดยแท้จริง และบางมาตรการต้องสมควรมีประจำเมื่อถึงช่วงฤดูเก็บเกี่ยว เช่นการเปิดจุดรับซื้อ จึงขอให้คณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ ทบทวนและวางมาตรการใหม่ตามที่เกษตรกรร้องขอ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร และป้องกันการสุ่มเสี่ยงทางเสถียรภาพของรัฐบาล
อนึ่ง สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ขอสรุปความเดือดร้อน ของเกษตรกรผู้ทำนาปรังปีการผลิต 2568 ดังนี้
1. ขอให้ภาครัฐพิจารณามาตรการประกันราคาผลผลิตข้าวเปลือกจ้าวในฤดูนาปรังปีการผลิต 2568
1.1ความชื้นไม่เกิน 15% ราคาไม่ต่ำกว่า 12,000 บาท/ตัน (ตามที่เกษตรตรกรร้องขอ)
1.2 ความชื้นไม่เกิน 25% ราคาไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท/ตัน (ตามที่เกษตรกรกรร้องขอ)
2 .ขอให้ภาครัฐพิจารณา มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในกรณีงดเผาตอซังฟางข้าว ไร่ละ500 บาท ตามจำนวนพื้นที่เพาะปลูกที่เกษตรกรขึ้นทะเบียนไว้ (ตามที่เกษตรกรร้องขอ)
3. ขอให้ภาครัฐควบคุมปัจจัยการผลิต เช่นปุ๋ย ยา และน้ำมันเชื้อเพลิง (ตามที่เกษตรกรกรร้องขอ)
4. ขอให้ภาครัฐพิจารณาหาแนวทางชดเชยพื้นที่เกษตรกรที่ใช้เป็นทุ่งรับน้ำ (ตามที่เกษตรกรร้องขอ)
5 ขอให้ภาครัฐพิจารณาโครงการไร่ละ1,000 ให้ยังคงเดิม อันเป็นการวางมาตรการความเสี่ยงในเรื่องต้นทุนการผลิต(ตามที่เกษตรกรร้องขอ)
6. ในการดำเนินโครงการต่างๆ ภาครัฐต้องพิจารณาถึงกลุ่มเกษตรกรที่ทำการเก็บเกี่ยวไปแล้วให้ได้รับสิทธิ์ในมาตรการดังกล่าวทุกมาตรการโดยเท่าเทียมกัน
ทั้งนี้สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ขอชี้แจงว่าสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เป็นองค์กรอิสระที่มีการขับเคลื่อนโดยวิธีการรวมกลุ่มเกษตรกรที่กระจายทั่วทุกจังหวัด และร่วมขับเคลื่อนโนบายต่างๆกับทุกรัฐบาล โดยมุ่งเน้นเรื่องความเดือดร้อน และเพื่อประโยชน์ของเกษตรกรเป็นหลัก ดังนั้นการกลั่นกรอง และการสรุปมติต่างๆ จึงเป็นหน้าที่หลักของกรรมการสมาคมฯ
จึงเรียนเพื่อทราบโดยทั่วกัน
ทั้งนี้แถลงการณ์ดังกล่าวลงนามโดยนายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย