เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่อาคารรัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 จำนวน 11 คน วันแรก โดยหนึ่งในรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจคือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว. สาธารณสุข
นายกูเฮง ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ อภิปรายว่า เรื่องกัญชาเสรีเป็นสิ่งที่คนใน3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามยอมรับกันไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ขัดต่อหลักศาสนา อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนที่ใช้กัญชาอย่างอิสระ
“รู้สึกข้องใจการเปิดกัญชาเสรี ซึ่งไร้คุณธรรม ไร้จิตสำนึก แม้กัญชาจะถูกกฎหมายแต่ละเมิดศาสนาของตน เอากัญชามาเป็นเรื่องเสรียังไม่เท่าไหร่ แต่ประเทศไทยปล่อยให้เป็นกัญชาเสรีแบบสุดโต่ง ผมรู้สึกเป็นตัวตลก เหมือนถูกหลอกในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง ที่วันนั้นบอกเพื่อการแพทย์ อุตสาหกรรม และสันทนาการ แต่มีความพยายามสื่อออกไปว่าเน้นเรื่องการแพทย์ ทำให้คนที่คัดค้านถูกมองว่าเป็นพวกล้าหลัง ถามว่า วันนี้เราจะรับผิดชอบกันอย่างไร บางคนถึงกับเสียชีวิต”
“นายอนุทิน กำลังทำอะไรอยู่ กัญชาสุดโต่งเจตนาของท่านคืออะไร เพื่อการแพทย์หรือเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของท่าน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ท่านต้องอยากได้สุขภาพที่ดีของประชาชน ท่านต้องดูเรื่องสุขภาพ ไม่ใช่หารายได้ให้ประเทศ”
“วันนี้เราบอกกัญชาเพื่อการแพทย์ เพื่ออุตสาหกรรม แต่ผลผลิตที่ออกมาวันนี้มันไม่ใช่ กลายเป็นกัญชาเสรีแบบสุดโต่ง นายกฯปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ท่านต้องกำกับดูแลเรื่องนี้ให้ดี วันนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้บ้านของผมปัญหาใหญ่ที่สุดคือยาเสพติด สถาปัตยกรรมที่ใหญ่ที่สุดที่นายกฯมอบให้ จ.นราธิวาส คือคุก คือเรือนจำที่ใหญ่ที่สุดคนที่อยู่ในคุกก็เป็นลูกหลานพวกเรา คดีจากยาเสพติดทั้งนั้น การปล่อยกัญชาเสรีเข้ามาในสังคมแบบนี้ ถามว่าบ้านผมจะเละขนาดไหน นี่คือความน่ากลัวที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ นอกจากจะละเมิดศาสนาซึ่งผมยอมรับไม่ได้อยู่แล้ว ยังมีปัญหาเรื่องศักดิ์ศรีของความเป็นคนไทย ทั่วโลกกำลังมองว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ คนไทยที่ไปต่างประเทศถูกจับจ้องว่านำสิ่งเสพติดเข้าไปบ้านเมืองเขาหรือไม่ฝากรัฐมนตรียุติหรือชะลอเรื่องนี้ อย่าเพิ่งให้กัญชาแพร่ระบาดในสังคม”
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงประเด็นเรื่องนโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์ ว่า ไม่ขัดหรือแย้งกับอนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษขององค์การสหประชาชาติ ที่อนุญาตให้นำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้
ทั้งนี้นโยบายรัฐบาลเรื่องเสรีกัญชานั้น นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่า ให้เป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ โดยเน้นไปในทางทางการแพทย์ สุขภาพ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพ ไม่มีนอกเหนือจากนี้ ไม่มีคำว่านันทนาการหรือสันทนาการแม้แต่นิดเดียว และกระทรวงสาธารณสุข ก็ไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ที่นอกเหนือไปจากนโยบายของรัฐบาล ถ้ามีการใช้ที่นอกจากทางการแพทย์หรือสุขภาพนั้นก็เป็นการใช้ที่ผิดเจตนารมณ์และเป็นการผิดกฎหมายด้วยตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข