17 กรกฎาคม 2565 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่อง ทัศนคติคนไทยต่อกัญชาและการใช้กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศโดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 2,125 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 13- 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ที่ผ่านมา
พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.6 ไม่สนใจจะเสพกัญชาเพื่อความบันเทิง เพราะไม่สูบ ไม่เสพ เป็นยาเสพติด ผิดทาง จะบันเทิงไม่ต้องพึ่งกัญชา ไม่จำเป็นต้องใช้ ไม่ใช่แนว เขาปลดล็อกกัญชาเพื่อการแพทย์ ไม่ใช่บันเทิง ในขณะที่เพียงร้อยละ 3.4 สนใจ เพราะอยากลอง คิดว่าเสพได้ เพลิดเพลิน
เมื่อถามถึงความรู้ ความเข้าใจต่อประโยชน์กัญชาหลังปลดล็อกกัญชา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.1 รู้ว่าปลดล็อกกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ รักษาโรคภัยต่าง ๆ ของผู้ป่วย ร้อยละ 84.6 เห็นด้วยว่า ต้องมีมาตรการควบคุมจัดการคนที่ใช้กัญชาในทางที่ผิด
ร้อยละ 83.5 รู้ว่า การเสพกัญชาเพื่อความบันเทิงเป็นการใช้ที่ผิดวัตถุประสงค์ ร้อยละ 65.9 ระบุนโยบายปลดล็อก กัญชา เป็นนโยบายกล้าเปลี่ยนแปลงช่วยเหลือชาวบ้าน และร้อยละ 63.7 ระบุ การปลูกกัญชาต้องมีการขึ้นทะเบียน เพื่อป้องกันการนำเข้าจากต่างประเทศ
ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวว่า ผลโพลนี้ชี้ให้เห็นว่า คนส่วนใหญ่ไม่เสพกัญชาเพื่อความบันเทิงและเข้าใจถูกต้องแล้วว่าการปลดล็อกกัญชาเป็นประโยชน์ทางการแพทย์เพื่อรักษาโรคต่าง ๆ เปิดโอกาสให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยเข้าถึงยาแพทย์แผนไทยได้ง่ายขึ้นและเห็นว่าต้องควบคุมโทษของกัญชา แต่หากใช้เป็นยาและปรุงอาหารต้องทำตามความเหมาะสมไม่มากเกินไปเพราะทุกอย่างไม่ว่า ยาหรือสุรามีทั้งคุณและโทษโดยรับรู้ข้อมูลอย่างถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นแหล่งข้อมูลเปิดที่เชื่อถือได้มากที่สุด
ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวต่อว่า สังคมเริ่มคลายกังวลเรื่องกัญชาเพราะรู้กันทั่วไปแล้วว่ากัญชามีประโยชน์ทางการแพทย์และทำได้จริงจึงมองกระแสโจมตีนโยบายปลดล็อกกัญชาว่า เป็นเกมการเมืองทำลายคะแนนนิยมกันโดยเฉพาะนโยบายใดเกี่ยวข้องกับชาวบ้านรากหญ้า นักการเมืองเล่นการเมือง มากกว่าทำงานทางการเมืองเพื่อประชาชน ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต่างก็มีพฤติกรรมทางการเมืองพอ ๆ กัน
ทางออก คือ ทุกฝ่ายต้องหันหน้ามาช่วยกันเร่งรัดให้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์อยู่ในมือของชาวบ้านได้ใช้อย่างปลอดภัยโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีผลบังคับใช้เมื่อ 9 มิถุนายนที่ผ่านมาและเนื่องจาก พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. ยังไม่ผ่านการพิจารณาของสภา และกระทรวงสาธารณสุขออกมาตรการ 2 มาตรการ คือ
(1) การออกคำแนะนำของคณะกรรมการสาธารณสุข เรื่อง แนวทางควบคุมเหตุรำคาญจากการกระทำให้เกิดกลิ่นหรือควันกัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใด มาตรการนี้กระทำได้แค่เพียงระงับการสูบนั้น ๆ ไม่ให้ส่งกลิ่นหรือควันรำคาญผู้อื่นเท่านั้น แต่จะไม่สามารถห้ามไม่ให้เด็กและเยาวชนสูบกัญชาได้เลย
(2) การประชาสัมพันธ์ให้ผู้ปลูกกัญชาในครัวเรือนมา“จดแจ้ง” ผ่านแอปพลิเคชัน “ปลูกกัญ”
แต่นโยบายนี้ทำได้เพียงการ “ขอความร่วมมือ” เพราะจะ “บังคับให้จดแจ้ง” ได้ต่อเมื่อพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. … ผ่านการตราเป็นกฎหมายแล้วเท่านั้น
ดังนั้นขณะนี้หากผู้กรอกข้อมูลให้ข้อมูลเท็จ หรือให้ข้อมูลแล้วไม่ปฏิบัติตามนั้น เช่น จดแจ้งว่าปลูกเพื่อใช้รักษาโรคตนเอง แต่จริง ๆ นำช่อดอกไปสูบเพื่อความบันเทิง หรือนำไปใส่อาหารขายก็ไม่สามารถเอาผิดได้
จึงเรียกได้ว่าเกิด “ภาวะสุญญากาศ” คือ ไม่มีมาตรการควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิดที่เพียงพอใด ๆ และต่อไปไทยอาจเป็น ประเทศที่กัญชาเสรีที่สุดในโลก ก็เป็นได้