นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร สั่งการปรับกลไกการขับเคลื่อน ระบบการบริหารจัดการคุณภาพและการป้องกัน ควบคุม หนอนเจาะทุเรียนจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้เกษตรจังหวัด ยะลา นราธิวาส ปัตตานี และ สงขลา ดำเนินการตามแนวทาง ดังนี้
1. สอบทานประสิทธิภาพมาตรการกรอง 4 ชั้น พื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน โดยเฉพาะการคัดทุเรียนคุณภาพจากสวน ต้องตัดผลทุเรียนแก่เต็มที่ และบ่มเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ซึ่งมาตรการแบ่งออกเป็น 4 มาตรการ ได้แก่ มาตรการกรองชั้นที่ 1 การคัดทุเรียนผลแก่เต็มที่ และบ่มเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง มาตรการกรองชั้นที่ 2 บ่มทุเรียนแยกกองตามแหล่งที่มา 48 ชั่วโมง (เพื่อคัดแยกลูกหนอนเจาะ) และตรวจวัดเปอร์เซ็นต์แป้ง ทุเรียนมีเปอร์เซ็นต์แป้ง 32-35 เปอร์เซ็นต์ เมื่อบ่มครบ 48 ชั่วโมงหลังจากคัดแยกลูกหนอนเจาะ ทำการบรรจุลงกล่องแล้วบ่มไว้ที่อุณหภูมิประมาณ 10 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 48-72 ชั่วโมง ตรวจสอบหนอนและคัดแยกทุเรียนคุณภาพลงกล่อง มาตรการกรองชั้นที่ 3 กรมวิชาการเกษตรตรวจปิดตู้ร่วมกับด่านตรวจพืช เพื่อสุ่มตรวจสุขอนามัยพืช จาก 3 เปอร์เซ็นต์เป็น 5 เปอร์เซ็นต์ มาตรการกรองชั้นที่ 4 ด่านตรวจพืชปลายทางสุ่มตรวจศัตรูพืชอีกครั้ง ณ ด่านปลายทางที่ออกใบ PC กรณีเจอหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนจะตีกลับเพื่อทำการคัดแยกทุเรียนที่ได้รับความเสียหายจากหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน
2. ประเมินความหนาแน่นของโรค แมลง ศัตรูพืช และระดับความเสียหายทางเศรษฐศาสตร์ (General Equilibrium, Economic Threshold, Economic Injury Level) เพื่อจัดโซนของมาตรการควบคุม กำจัด และป้องกันแมลงศัตรู ให้สอดคล้องกับช่องโอกาสทางด้านตลาดและการตลาดสินค้าและผลิตภัณฑ์ทุเรียนกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน อาทิ มาตรการใช้เทคโนโลยีการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน (Integrate Pest Management) การใช้แสงไฟป้องกันหนอนผีเสื้อกลางคืน การห่อผลด้วยถุงเทคโนโลยีใหม่เพื่อช่วยป้องกันโรคและแมลงโดยไม่ต้องใช้สารเคมี และทำให้ทุเรียนมีเปลือกบางลงและมีเนื้อหนาขึ้นด้วย ซึ่งจะเหมาะกับการทุเรียนแกะเนื้อแช่แข็ง อีกทั้ง ช่วยให้เกษตรกรปลอดภัยจากสารเคมี เพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค ช่วยให้การบริหารจัดการภายในสวนง่ายขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสร้างความยั่งยืนให้แก่อาชีพทำสวนต่อไปในอนาคต
3) การสอบทานปริมาณ คุณภาพ ความพอเพียงและการเข้าถึงวัสดุ อุปกรณ์ ฯลฯ อันเป็นทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับเกษตรกร
ที่จะใช้ป้องกัน ควบคุม กำจัดหนอนเจาะทุเรียน จากร้านค้าจำหน่ายในท้องที่ท้องถิ่น
4) การอบรมให้ความรู้ คำปรึกษา และสร้างความเชื่อมั่นแก่เกษตรกรและบริหารความคาดหวังของผู้บริโภคทุกระดับว่าจะได้รับการส่งมอบทุเรียนที่มีคุณภาพ
5) ประสานเชื่อมโยงผู้ประกอบการค้าทุเรียนแกะเนื้อแช่แข็ง เพื่อสร้างโอกาสมูลค่าเพิ่มและแยกเนื้อทุเรียนที่ได้รับผลกระทบจากหนอนเจาะทุเรียน
6) กำหนดแนวทางปฏิบัติร่วมกับผู้เกี่ยวข้อง เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อจัดการขยะเปลือกทุเรียนและผลทุเรียนทิ้งเพื่อกำจัดแหล่งพาหะของหนอนเจาะทุเรียนอันเป็นการตัดวงจร การเจริญเติบโตให้ลดน้อยลงมากที่สุด
7) การติดตามประเมินความเสี่ยงด้านราคาและการบิดเบือนตลาดเพื่อรักษาระดับเสถียรภาพราคาให้อยู่ในระดับที่สร้างผลตอบแทนสุทธิที่พอเพียงกับรายจ่ายครัวเรือนของเกษตรกรในปัจจุบันและอนาคต