“สุริยะ” ดัน แผนพัฒนา “อุตฯกัญชง” ยกระดับสู่พืชเศรษฐกิจใหม่ ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลาง “พืชกัญชง” เชิงอุตฯแห่งอาเซียนภายใน 5 ปี กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) ผลักดัน “แผนการพัฒนาอุตสาหกรรมพืชกัญชง” สู่เชิงพาณิชย์ มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปพืชกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก สร้างรายได้และการจ้างงานตลอดห่วงโซ่อุปทานพร้อมตอบสนองนโยบายเศรษฐกิจ BCG เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน เผยตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็น “ศูนย์กลางพืชกัญชงเชิงอุตสาหกรรมแห่งอาเซียน” (Industrial Hemp Hub of ASEAN) ภายใน 5 ปี สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการไม่น้อยกว่า 25,000 ล้านบาท และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อไร่
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เปิดเผยว่า “อุตสาหกรรมกัญชง” ในตลาดโลกมีแนวโน้มการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในนานาประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย สหภาพยุโรป จีน รวมถึงญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ หลังจากเริ่มผ่อนคลายกฎหมายเพื่อเปิดโอกาสให้มีการพัฒนา “ผลิตภัณฑ์กัญชง” เพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์มากขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าตลาดอุตสาหกรรมทั่วโลกในปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 1.42 แสนล้านบาท มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 22.4 ต่อปี และคาดว่าภายในปี 2570 จะมีมูลค่าประมาณ 5.58 แสนล้านบาท
ดังนั้นกระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้ผลักดันการพัฒนา “อุตสาหกรรมพืชกัญชง” สู่เชิงพาณิชย์และมอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) จัดทำแผนปฏิบัติการ ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมพืชกัญชงสูเชิงพาณิชย์ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจไทย ตลอดจนสร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ก่อให้เกิดการจ้างงานตลอดห่วงโซ่อุปทานกัญชง ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก พร้อมตอบสนองนโยบายเศรษฐกิจ BCG ที่เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ยังตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพืชกัญชงเชิงอุตสาหกรรมแห่งอาเซียน (Industrial Hemp Hub of ASEAN) ภายใน 5 ปี สร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการไม่น้อยกว่า 25,000 ล้านบาท และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อไร่
นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า การจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมพืชกัญชงสู่เชิงพาณิชย์ จะมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปพืชกัญชง เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
โดยมีมาตรการการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปกัญชง 4 มาตรการ
ได้แก่ 1) มาตรการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ตลอดห่วงโซ่กัญชง โดยมีแนวทางในการพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีให้รองรับในระดับอุตสาหกรรม สร้างเครือข่ายเชื่อมโยงงานวิจัยสู่ภาคอุตสาหกรรม พร้อมส่งเสริมนวัตกรรมและปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา
2) มาตรการส่งเสริมการผลิตและแปรรูปเชิงพาณิชย์ มุ่งส่งเสริมธุรกิจ SMEs ให้ขยายตัว เพิ่มขีดความสามารถบุคลากรตลอดห่วงโซ่กัญชง สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่การผลิตเชิงพาณิชย์และส่งเสริมการยกระดับผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานสากล
3) มาตรการส่งเสริมด้านการตลาด โดยจะสร้างช่องทางการตลาดผ่านการจัดงาน Hemp Forum และส่งเสริมการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) เพื่อเชื่อมโยงการค้าโลก รวมถึงพัฒนาการเชื่อมโยงกับระบบโลจิสติกส์ทางด้านการผลิตตลอดห่วงโซ่อุตสาหกรรมกัญชง และกระตุ้นอุปสงค์หน่วยงานภาครัฐ เช่น สนับสนุนการใช้สิ่งทอจากเส้นใยกัญชง
และ 4) มาตรการสร้างปัจจัยสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมกัญชง โดยมีแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ อำนวยความสะดวกด้านการตรวจรับรองเอกสารสำคัญและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์สู่สากล สร้างความมั่นคงภาคเกษตร จัดตั้ง Center of Hemp Excellence (CoHE) พัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงสนับสนุนทางการเงินและการร่วมลงทุนภาคเอกชน
“พืชกัญชงเป็นพืขที่มีความสำคัญในหลายประเทศ เนื่องจากสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน ตั้งแต่ราก ลำต้น เปลือก แกนใน ใบ ช่อดอก และเมล็ด สามารถนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้หลายด้านมากกว่า 50,000 ผลิตภัณฑ์ ต่างจากในอดีตที่จะนำไปผลิตส่งทอและกระดาษ ซึ่งแต่ละส่วนของกัญชงมีคุณสมบัติเฉพาะที่สามารถนำไปใช้ในทางการแพทย์ อาหาร เครื่องดื่ม อาหารสัตว์ เครื่องสำอาง สิ่งทอ วัสดุก่อสร้าง และวัสดุในอุตสาหกรรม S-Curve อย่างอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ การบินและอวกาศ เป็นต้น โดยหากแผนดังกล่าวผ่านความเห็นชอบและนำไปสู่การปฏิบัติฯ คาดว่าพืชกัญชงจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจ สามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนต่อไป” นายทองชัย กล่าว