นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เผยว่า กยท. ดำเนินมาตรการส่งเสริมให้เกษตรกรชาวสวนยางก้าวสู่วิถีเกษตรยั่งยืน ด้วยการสนับสนุนทำการเกษตรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Go Green)ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า) โดยการผลักดันให้เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราและผู้ประกอบกิจการยางพาราไทย มีการจัดการข้อมูลยางพารา อย่างเป็นระบบรองรับกฎระเบียบ EU Deforestation-free Products Regulation (EUDR) และมาตรฐานระดับสากลต่างๆ ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมของโลก ซึ่งที่ผ่านมา กยท. ได้จัดเก็บข้อมูลทะเบียนเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนกับ กยท. ทำให้สามารถระบุและแยกแยะพื้นที่สวนยาง และทราบได้ว่าผลผลิตยางจากสถาบันเกษตรกรที่นำมาขายผ่านตลาดกลาง กยท. มาจากสวนยางของสมาชิกรายใด จึงสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทุกล็อตที่ซื้อขายผ่านตลาดกลาง กยท. ได้
นายณกรณ์ กล่าวว่าเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ กยท. ได้กำหนดให้มีการซื้อขายยาง EUDR ด้วยวิธีการประมูลผ่านระบบ TRT สัปดาห์ละ 1 ครั้ง คือ ทุกวันพฤหัสบดี โดยกำหนดช่วงประมูลตั้งแต่เวลา 13.00 – 14.00 น. โดยล่าสุด เมื่อวานนี้ (2 พ.ค.67) การประมูลซื้อขายยางตรวจสอบย้อนกลับผลผลิตได้ มียางจากสถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ซึ่งตรงตามหลักเกณฑ์กฎระเบียบ EUDR เข้าขายผ่านตลาดกลางฯ ของ กยท. และมีผู้ซื้อเข้าประมูลผ่านระบบเป็นจำนวนมาก ผลการประมูลยางแผ่นรมควัน ชั้น 3 ปิดราคาสูงสุดที่ 85.77 บาท/กก. และยางก้อนถ้วย (DRC 78%) ปิดราคาสูงสุดที่ 51.32 บาท/กก. คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 16.8 ล้านบาท ทั้งนี้ กยท. จะประกาศสรุปผลราคาประมูลในแต่ละครั้งผ่านเว็บไซต์ของ กยท. (https://www.raot.co.th)
“การจัดการข้อมูลยางพาราไทยให้รองรับมาตรฐานสากล ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมของโลก เป็นผลดีกับเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และเกิดประโยชน์กับวงการยางพาราทุกภาคส่วน โดยเฉพาะชาวสวนยางที่จะมีรายได้เพิ่ม นำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี ตามนโยบายของ รมว.เกษตรฯ เกษตรกรต้องอยู่ดี สินค้าเกษตรมูลค่าสูง ทรัพยากรเกษตรยั่งยืน” ผู้ว่าการ กยท. กล่าวย้ำ