กรณีมีเกษตรกร จ.ตราด ระบุว่ามังคุดราคาตกจาก 300 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เหลือ 50 บาท/กก. ว่า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตราด ได้ลงพื้นที่ติดตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และได้มีการสอบถามสถานการณ์กับนายศุภสรณ์ วัฒนโภไคย ซึ่งเป็นสมาชิกวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ ต.หนองบอน อ.บ่อไร่ จ.ตราด ได้ให้ข้อมูลว่าราคามังคุดที่ขายได้ ณ วันที่ 14 เม.ย.2567 เกรดมันรวมราคา 80-85 บาท/กก. เกรดคละราคา 65-70 บาท/กก. เกรดกากรวมราคา 50-55 บาท/กก. ซึ่งขณะนี้ผลผลิตของเกษตรกรส่วนใหญ่กว่า 90% เป็นเกรดมันรวม สำหรับเกรดรองลงมาอย่างเกรดกากรวม มีปริมาณน้อยมาก
“ส่วนราคาซื้อขายที่ 300 บาทต่อกก. เป็นมังคุดผิวมันเกรดส่งออก ซึ่งเป็นราคารับซื้อช่วงเปิดฤดูประมาณ 1-2 วันแรกเท่านั้น และเกษตรกรสามารถขายมังคุดได้ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพราะตอนนั้น ผลผลิตมังคุดมีน้อย มีรายละไม่กี่กิโลกรัม แต่ตลาดที่ซื้อไปส่งออกมีมากกว่า ทำให้เกิดการแย่งกันซื้อ ราคาเปิดรับซื้อมังคุดจึงค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ต่อมาเมื่อปริมาณผลผลิตมังคุดเริ่มทยอยออกมา ราคาก็ปรับลดลงตามภาวะตลาด”
อย่างไรก็ตาม สำนักงานพาณิชย์จังหวัดตราด ยังได้สอบถามไปยังผู้ประกอบการรับซื้อมังคุด ได้แก่ สหกรณ์การเกษตรบ่อไร่ โดยนายเสกสรร คำปริว ผู้จัดการสหกรณ์ และสหกรณ์การเกษตรเพื่อการแปรรูปและส่งออก จำกัด โดยนายวุฒิพงศ์ รัตนมณฑ์ ประธานสหกรณ์ฯ และล้งรับซื้อรายย่อย คุณสมจิตร ม่วงคำ แจ้งว่า ปัจจุบัน ผู้รับซื้อส่วนใหญ่จะเป็นผู้รวบรวมรายเล็ก ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เป็นล้งแพกมังคุดเพื่อส่งออกยังไม่เปิดรับซื้อเต็มกำลัง เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ แรงงานหยุดกลับบ้าน แต่ล้งรับซื้อรายใหญ่ทั้งหมดจะทยอยเปิดรับซื้อหลังสงกรานต์ และจะเปิดรับซื้อเต็มกำลังผลิตช่วงวันที่ 20 เม.ย. เป็นต้นไป ประกอบกับจะมีแรงงานเข้ามาทำงานหลังวันหยุดสงกรานต์ ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ด้านราคาปรับตัวสูงขึ้น
ทางด้านสถานการณ์การรับซื้อมังคุด ในพื้นที่ จ.จันทบุรี สำนักงานพาณิชย์จังหวัดจันทบุรีได้ลงพื้นที่ติดตามการซื้อขาย พบว่า ผู้ประกอบการจะทยอยเปิดรับซื้อหลังสงกรานต์เป็นต้นไปเช่นเดียวกัน โดยภาพรวมเกษตรกรยังขายมังคุดได้ราคาที่น่าพอใจ โดยราคาเกรดมันรวม 80-85 บาท/กก. เกรดคละราคา 65-70 บาท/กก. เกรดกากรวมราคา 50-55 บาท/กก. ซึ่งเป็นราคาที่เกษตรกรพอใจ
นายอนุวรรตน์ อิ่มสมบูรณ์ กรรมการเลขานุการ สกก.จันทบุรี จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันผลผลิตส่วนใหญ่เป็นเกรดมันรวม 90% ซึ่งภาพรวมราคาเกรดคุณภาพเกษตรกรมีความพอใจ แต่อาจปรับตัวลงมาเล็กน้อยจากช่วงต้นฤดูกาล ซึ่งถือว่าเป็นปกติ โดยเชื่อว่า หลังจากมีการเปิดรับซื้อเต็มที่ตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. สถานการณ์น่าจะดีขึ้น