น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน เลขาธิการคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตนเองเตรียมที่จะนำเรื่องการลอบนำใบ DOAของผู้ประกอบการล้งส่งออกใน จ.จันทบุรี ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจนเจ้าของล้งต้องออกมาชี้แจงขอเท็จจริงเนื่องจากปลายทางส่งออกทุเรียนในประเทศญี่ปุ่นได้ส่งใบแจ้งเตือนว่าพบสารปนเปื้อนในผลทุเรียนสดที่ส่งไป
ขณะเดียวกันยังได้รับการยืนยันจากชาวสวนทุเรียนใน จ.นครศรีธรรมราช ว่าถูกนำใบ GAP ของสวนทุเรียนตนเองไปใช้เพื่อส่งออกทุเรียนไปยังต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาตเช่นกัน
“เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ในวงการผลไม้และการส่งออก เพราะการนำเอกสารไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตเท่ากับการสวมสิทธิ์ของเจ้าของสิทธิ์ตัวจริง และทำให้เกิดความเสียหายกับเจ้าของสินค้าและประเทศไทย เนื่องจากผลไม้(ทุเรียน) ที่ส่งไปญี่ปุ่น ถูกตรวจพบสารต้องห้าม และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ทราบว่า ทุเรียนล็อตที่ ถูกตรวจพบสารต้องห้าม เป็นทุเรียนจากประเทศไทย หรือไม่ และเป็นทุเรียนจากสวนใด”
น.ส.ญาณธิชา ยังบอกอีกว่า จะนำเรื่องนี้มาหารือในช่วงที่กรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์เดินทางลงพื้นที่ จ.จันทบุรี เพื่อรับฟังแนวทางการเตรียมความพร้อมรับมือฤดูกาลเก็บเกี่ยวทุเรียนที่กำลังจะมาถึง ตนเองจะนำปัญหาดังกล่าวเข้าเสนอต่อที่ประชุมเพราะต้องการทราบความชัดเจนในการดำเนินคดี หรือการแก้ปัญหาว่าจะสามารถเอาผิดกับผู้ที่ดำเนินการดังกล่าวได้อย่างไร
“ เพราะหลักฐานชัดเจนว่ามีการสวมสิทธิ์เอกสาร ขณะเดียวกันเอกสารที่ปรากฏมีการยื่นให้เจ้าหน้าที่เพื่อขอส่งออกด้วยหรือไม่ และหากยื่นเจ้าหน้าที่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไรเช่นกัน เราต้องทำความจริงให้กระจ่าง ก่อนถึงฤดูผลไม้ภาคตะวันออก ซึ่งก็เกิดปัญหาคล้ายๆ กัน แต่ไม่ถูกพูดถึงมาก กรณีที่ญี่ปุ่นตรวจพบสารต้องห้ามในทุเรียนส่งจากไทย และพบว่า เจ้าของ DOA และเจ้าของ GAP ยืนยันว่า ไม่ได้ขาย หรือรับแพ็กทุเรียนให้กับบริษัทส่งออกรายดังกล่าว และมีการนำเอกสารไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเท่ากับสวมสิทธิ์ เรื่องนี้กรมวิชาการเกษตร จะต้องหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ เพื่อให้ผู้คิดไม่ดีเห็นว่า ภาครัฐมีบทลงโทษ และดำเนินการจริงจัง”