“รุ่งนภา ปลาดุก” เกษตรกรต้นแบบ บ้านโป่งลึก ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวใหญ่ที่โป่งลึก พี่น้องหลายคนที่อยู่ด้วยกันต้องช่วยกันทำเกษตรเพื่อให้มีอาหารเพียงพอที่จะอยู่รอด กระทั่งอายุ 15 ปี ก็ออกไปทำงานเป็นลูกจ้างในแผงขายผักที่ตลาดท่ายาง ทำหน้าที่บรรจุผักใส่ถุง ชั่งน้ำหนักพร้อมยกขึ้นรถให้ลูกค้า
ต่อมาเมื่อมีครอบครัว จึงตัดสินใจกลับบ้าน เริ่มทำไร่ทำสวนบนพื้นที่ 15 ไร่ ที่พ่อแม่ให้มา จากป่าที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ “รุ่งนภา” และสามีใช้เวลาเดือนกว่าในการถากถางเพื่อสร้างบ้าน และคิดว่าจะปลูกพืชชนิดใดดีถึงจะเหมาะสม
“ปลูกอะไรจะได้เงินไว ไม่ต้องลงทุนมาก ใช้น้ำน้อย และมีความถนัด ก็ต้องกล้วยนี่แหละ” รุ่งนภา กล่าว
รุ่งนภา เล่าต่อไปว่า คุณสมบัติของกล้วย คือ ทนต่อสภาพอากาศ ปลูกง่าย ลงทุนน้อย การเตรียมแปลงจะถางหญ้าให้เตียน ระยะของการปลูกห่างกัน 2×2 เมตร เริ่มต้นใช้พื้นที่ปลูก 8 ไร่ ส่วนอีกโซนก็ปลูกพริกกะเหรี่ยง ฟักทอง บวบ และผักอายุสั้นต่าง ๆ รวมถึงข้าวไร่ไว้กินในครอบครัว เหลือจึงขายสร้างรายได้
เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วก็จะใช้พื้นที่ทั้งหมดเพื่อเตรียมลงกล้วยน้ำว้าและกล้วยหักมุก ปลูกแบบสลับกันไป ข้อจำกัดของ การปลูกพืชช่วงหน้าฝน คือ โรคและแมลงเยอะ การดูแลรักษาพืชที่ปลูกรวมในแปลงเดียวไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อศัตรูพืชเฉพาะแต่ละชนิดต่างกันมากัดกินต้นอ่อน หากใช้ธรรมชาติจัดการเองก็ไม่ทันการ ต้องมีการใช้สารเคมีร่วมด้วยถึงจะเห็นผล ไม่อย่างงั้นก็ไม่ได้กิน ไม่ได้ขาย แต่จะใช้ในปริมาณน้อยที่น้อยมาก ๆ เฉพาะเมื่อมีแมลงลงถี่
หลังจากผลผลิตกล้วยออกในปริมาณมาก “รุ่งนภา” จะขนกล้วยจากสวนลงเรือเพื่อไปขึ้นรถและนำไปขายตลาดหนองบ้วย ในอำเภอท่ายาง บางครั้ง “กล้วย” ไม่เต็มรถ“รุ่งนภา” ก็จะรับผลผลิตของชาวบ้านคนอื่น ๆ เช่น พริก มะเขือ มะละกอ ใบมะกรูด ฯลฯ ไปด้วย เพื่อให้คุ้มค่าน้ำมัน
สำหรับ”กล้วย”เป็นไม้ผลที่คนไทยรู้จักกันมานาน เนื่องจากกล้วยมีถิ่นกำเนิดในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งในภูมิภาคดังกล่าว จากการศึกษาพบว่า กล้วยมีวิวัฒนาการถึง 50 ล้านปีมาแล้ว ดังนั้นจึงเป็นไม้ผลที่มนุษย์รู้จักบริโภคเป็นอาหารกันอย่างแพร่หลาย เชื่อกันว่า กล้วยเป็นไม้ผลชนิดแรก ที่มีการปลูกเลี้ยงไว้ตามบ้าน และได้แพร่พันธุ์จากเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปยังดินแดนอื่นๆ ในระยะเวลาต่อมา
นอกจากกล้วยและพืชพันธุ์นานาชนิดแล้ว มูลนิธิปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ ได้สนับสนุนพันธุ์ทุเรียน และท่อส่งน้ำไปยังสวนของ “รุ่งนภา” อีกด้วย ซึ่งการปลูกทุเรียนนั้นแม้จะใช้เวลานานกว่าจะได้เก็บเกี่ยว แต่ก็ถือว่าคุ้มเพราะได้ราคาดีและเป็นที่ต้องการของตลาดเมื่อหลายอย่างลงตัว มีรายได้มากขึ้น ทำให้คุณภาพชีวิต “รุ่งนภา”และครอบครัวดีขึ้นตามไปด้วย