ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการแถลงข่าวผลปฏิบัติการเข้าตรวจสอบห้องเย็นและบังคับใช้กฎหมายด้านปศุสัตว์ 77 จังหวัด ตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งปฏิบัติการระหว่างวันที่ 10 ตุลาคม – 22 พฤศจิกายน 2566 พร้อมด้วยนายสมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง โดยมีพลตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ร้อยตำรวจเอก วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พลตำรวจตรี เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ผู้แทนกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล ว่า กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมปศุสัตว์และกรมประมง ได้ดำเนินการเข้าตรวจสอบห้องเย็นทั่วประเทศ แบ่งเป็นการตรวจสอบห้องเย็นด้านปศุสัตว์ 2,210 แห่ง และห้องเย็นด้านประมง 2,062 แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยจำนวนห้องเย็นทั้งหมด ประกอบด้วย ห้องเย็นที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมปศุสัตว์ กรมประมง กรมแรงงานอุตสาหกรรม และกรมการค้าภายใน รวมถึงห้องเย็นที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานใดเลยอีกประมาณ 1,100 แห่ง ซึ่งเป็นห้องเย็นขนาดเล็ก
ทั้งนี้ ภายหลังการตรวจสอบห้องเย็นทั้งหมด ได้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 2 พระราชบัญญัติ คือ พระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 และพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559 พบการกระทำความผิด โดยได้อายัดซากสัตว์และดำเนินคดี รวมทั้งสิ้น 2,568,322 กิโลกรัม 92 คดี รวมมูลค่าประมาณ 287.72 ล้านบาท แบ่งเป็น 1) ซากโค-กระบือ 411,336 กิโลกรัม 2) ซากสุกร 689,649 กิโลกรัม และ 3) ซากสัตว์ปีก 1,467,337 กิโลกรัม
นอกจากนี้ ยังพบการกระทำความผิดตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ 2558 ไม่มีใบอนุญาตนำเข้า-ส่งออก นำผ่านราชอาณาจักรมาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ มีโทษตามมาตรา 68 จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ได้อายัดซากสัตว์และดำเนินคดี โดยอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบเอกสาร จำนวนห้องเย็น 14 แห่ง แบ่งเป็น 1) ซากโค-กระบือ 380,841 กิโลกรัม 2) ซากสุกร 338,361 กิโลกรัม และ 3) สัตว์ปีก 410,236 กิโลกรัม รวมทั้งสิ้น 1,129,438 กิโลกรัม ขณะเดียวกัน กระทรวงเกษตรฯ ได้ตั้ง “ทีม ฉก.พญานาคราช” เป็นทีมเฉพาะกิจชุดปฏิบัติการพิเศษที่ร่วมสนับสนุนภารกิจของสารวัตรปศุสัตว์ และสารวัตรประมงเพิ่มเติม เพื่อให้ดำเนินการปราบปรามขบวนการดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
“อย่างไรก็ดี แม้ว่าผลการปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ผิดกฎหมาย จะเป็นที่น่าพอใจ แต่กระทรวงเกษตรฯ จะยังคงมุ่งมั่นดำเนินการปราบปรามฯ ขบวนการดังกล่าว โดยขยายผลให้ครอบคลุมสินค้าเกษตรอื่น ๆ ทั้งพืชและประมงเพิ่มเติมด้วย เพื่อเป็นการแก้ปัญหากลไกตลาดทั้งระบบอย่างยั่งยืน ให้เกษตรกรได้ลืมตาอ้าปาก มีรายได้ที่มั่นคง รวมทั้งประชาชนได้บริโภคอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยอีกด้วย” รัฐมนตรีเกษตรฯ กล่าว