นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจสอบห้องเย็นขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในพื้นที่ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ว่า การลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบห้องเย็นพร้อมกับเจ้าหน้าที่ DSI ในวันนี้ เป็นการขยายผลจากการตรวจค้นของชุดปฏิบัติการพิเศษของ DSI ในคดีพิเศษ 59/2566 ที่ตรวจพบบริษัทนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน และสามารถตรวจยึดของกลางได้ 200 กิโลกรัม ซึ่งคาดว่าอาจนำหมูเถื่อนมาซุกซ่อนเพิ่มเติมในพื้นที่เดียวกัน จึงนำมาสู่การสืบสวนสอบสวนขยายผลและเข้าตรวจสอบห้องเย็นดังกล่าว ทั้งนี้ ได้มอบหมายกรมปศุสัตว์ดำเนินการตรวจสอบเอกสารสำแดงการนำเข้าของซากสัตว์ที่กำลังตรวจค้นเรียบร้อยแล้ว ในขณะเดียวกันต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการห้องเย็นที่อยู่ในฐานะผู้รับฝาก ซึ่งต้องมีหลักฐานการรับฝากเก็บสินค้านำเข้าอย่างถูกต้อง
รัฐมนตรีช่วยฯ ไชยา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เบื้องต้นตรวจสอบพบเนื้อกระบือและโคที่ส่วนหนึ่งมาจากประเทศที่สามารถนำเข้าได้อย่างออสเตรเลีย ซึ่งผู้นำเข้าต้องเตรียมเอกสารมาสำแดงการนำเข้าให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ และแสตงตนว่านำเข้ามาอย่างถูกต้อง ในส่วนเครื่องในสุกรที่ตรวจพบ 75 ตัน มีความคล้ายคลึงกับซากสัตว์ที่ตรวจพบ 161 ตู้คอนเทนเนอร์ ณ ท่าเรือแหลมฉบังก่อนหน้านี้ คาดว่ามีความเชื่อมโยงกัน และอยู่ในระหว่างการพิสูจน์หลักฐาน ทั้งนี้ การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่ได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารแก้ไขปัญหาการนำเข้าและส่งออกสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมาย เพื่อประกาศสงครามการนำเข้าสินค้าปศุสัตว์เถื่อนและสร้างกลไกตลาดให้กลับมาเป็นปกติ รวมถึงช่วยปกป้องเกษตรกรรายย่อยให้มีรายได้ขณะเดียวกัน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะตรวจสอบข้อเท็จจริงต่าง ๆ ในฐานะที่กำกับดูแลกรมปศุสัตว์ รวมถึงเน้นย้ำว่า หากมีกระบวนการที่ขัดกับการแก้ไขปัญหา เช่น ระเบียบ หรือ ตัวบุคคล จะต้องแก้ไขให้สามารถดำเนินการตามนโยบายต่อไปได้
นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยฯ ไชยา ขอขอบคุณหน่วยงานที่มาการบูรณการร่วมกัน ได้แก่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมศุลกากร ฝ่ายความมั่นคง ผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จนทำให้การดำเนินการตรวจสอบในห้องเย็นพื้นที่ต่าง ๆ ประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี