ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลัง เป็นประธานพิธีเปิดงานครบรอบวันสถาปนากรมประมง ปีที่ 97 ที่จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “97 ปี กรมประมง สร้าง เสริม เพิ่ม ยก พัฒนา ประมงไทย ก้าวสู่ศตวรรษใหม่อย่างยั่งยืน” และ “วันประมงแห่งชาติ ประจำปี 2566 โดยมี นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมประมง เข้าร่วม ณ ห้องประชุมอานนท์ กรมประมง พร้อมถ่ายทอดสดผ่าน Facebook live กรมประมง ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งเดินหน้านโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน “โครงการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำในลุ่มน้ำสำคัญของประเทศ 62 จังหวัด 62 ล้านตัว” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำให้เป็นแหล่งอาหารโปรตีนของประชาชนและชาวประมง และเพื่อดูแลเกษตรกรฐานรากให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ตลอดจนมีความอยู่ดีมีสุข ซึ่งพันธุ์สัตว์น้ำที่ปล่อยในลุ่มน้ำสำคัญ จะเป็นสัตว์น้ำต้นทุนที่ช่วยฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ สร้างสมดุลระบบนิเวศ และเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับสิ่งแวดล้อม
โดยในวันนี้เป็นวันประมงแห่งชาติ ครบรอบปีที่ 40 จึงมีการจัดกิจกรรมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำลงแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ 4 แห่ง ใน 4 ภาค แห่งละ 300,000 ตัว จำนวนรวมทั้งสิ้น 1,200,000 ตัว ได้แก่ 1) บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ 2) กว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา 3) หนองหาร จังหวัดสกลนคร และ 4) เขื่อนเชี่ยวหลาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ ทั้งหมด 8 ชนิด ประกอบด้วย ปลาตะพัด ปลาตะเพียนทอง ปลาตะเพียนขาว ปลาบ้า ปลากระแห ปลาเทพา ปลาสร้อยขาว และปลาหมอตาล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับเกษตรกร สถาบันเกษตรกร และชาวประมง ที่ได้รับคัดเลือกเป็นเกษตรกรดีเด่นในแต่ละสาขา ทั้งประเภทบุคคลทางการเกษตรดีเด่น ประเภทสถาบันเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรดีเด่นด้านการประมงที่ได้รับโล่รางวัลในวันนี้ภาคการประมงนับได้ว่ามีบทบาทสำคัญยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการทำการประมง ก่อให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องมากมาย ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ ตลอดจนสร้างความมั่นคงทางอาหารให้แก่ประชากรของประเทศไทยและประชากรโลก
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมประมงให้ความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและบริหารการเปลี่ยนแปลง เพื่อนำไปสู่ภาคการประมงของประเทศให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน โดยการพัฒนาการผลิตสัตว์น้ำและสินค้าประมงที่ได้มาตรฐาน ตลอดจนป้องปรามการทำประมงผิดกฎหมาย เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรประมงให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างสูงสุดและยั่งยืน สร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร ควบคู่ไปกับการสร้างอาชีพประมงให้เกิดวิถีความอยู่ดีมีสุขให้กับเกษตรกรชาวประมงและประชาชนมาโดยตลอด ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือ GDP ภาคการประมง สูงถึง 130,313 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 จากปี 2564 และยังมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับวันครบรอบวันสถาปนากรมประมง ปีที่ 97 ในปีนี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมประมง ได้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู บริหารจัดการทรัพยากรประมง ส่งเสริมการผลิตและการตลาดอย่างเป็นรูปธรรมในทุกมิติอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นการสร้าง เสริม เพิ่ม ยก พัฒนา ประมงไทยอย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้พี่น้องชาวประมงเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำผู้ประกอบการด้านการประมงสามารถประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคงและพึ่งพาตนเองได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน