นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่สมุทรสงคราม ลั่น เดินหน้าแก้ปัญหาประมงผิดกฎหมายด้วยตัวเอง พร้อมมอบ ร้อยเอกธรรมนัส หัวหน้าคณะถกผู้ประกอบการหาทางออก พร้อมดันประมงน่านน้ำอินโดฯ ลั่น ไม่มองปัญหาเก่า ขอเดินหน้าแก้ไข ขอ อย่าไปว่าใครเลยดีกว่า ชี้ ขอเป็นรัฐบาลของประชาชน เชื่อ รมต. ทุกคน ห่วงปัญหาปากท้อง - ปรารถนาดี ขอแค่โอกาส
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมายหรืออายุอยู่โดยตั้งศูนย์ One Stop Service ว่า จะให้ทีมงานดูเพิ่มเติมก่อน และหลังจากที่รัฐบาลได้เห็นปัญหา ว่าแรงงานที่จะมาทำงานต้องใช้เอกสาร หลายกรม หลายกระทรวง หากเอกสารไม่ครบ ก็ไม่สามารถที่จะปฏิบัติงานได้ พร้อมยอมรับว่าตนเห็นใจชาวประมง ที่ต้องสูญเสียรายได้จากการจับปลามูลค่าหลักแสนหลักล้าน โดยมีแนวคิดว่าจะให้เอกสารใช้ระบบออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจเอกสาร
เมื่อถามว่าจะให้ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหัวหน้าคณะดูแลเรื่องการประมง รวมถึงการเกษตรทั้งหมดหรือไม่ นายเศรษฐา ระบุว่า เป็นว่าที่ ก็ต้องดูทั้งหมด เรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องแก้ไขคือปัญหาด้านการท่องเที่ยวรวมถึงการพักหนี้สินและเรื่องที่ตนจะรับผิดชอบดูแลเองคือเรื่องการประมง และเชื่อว่า ร้อยเอกธรรมนัส พร้อมที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ บูรณาการงานร่วมกับคณะทำงานของพรรคเพื่อไทย โดยมีนายปลอดประสพ สุรัสวดี และจะมีการจัดตั้งคณะทำงานร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อแก้ไขปัญหาโดยเร็ว พร้อมกล่าวย้ำว่า อะไรที่สามารถทำได้ ก็จะทำก่อน อาจจะไม่สามารถทำได้ทั้งหมดเนื่องจากทุกอย่างต้องใช้เวลา ซึ่งก็มีหลายเรื่องที่สามารถเดินหน้าได้เลย โดยเฉพาะอะไรที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทบวง กรม หรือเรื่องที่ต้องเข้าให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบ ขณะเดียวกันมีอีกหลายอย่างที่ต้องร่วมเจรจาเดินหน้าระหว่างประเทศ ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย เช่นเรื่องวิทยุขาวหรือดำ ซึ่งไทยใช้ดำ และเรือทุกลำมีอยู่แล้ว แต่มีการกำหนดเงื่อนไขเพิ่ม ก็ไม่ทราบวัตถุประสงค์ หากเป็นมติคณะรัฐมนตรีก็จะพิจารณายกเลิก เพื่อแบ่งเบาภาระชาวประมง
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการแก้ไข พ.ร.บ.แรงงานต่างด้าว ว่าจะต้องปรึกษาว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เนื่องจากเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นวาระที่ต้องพูดคุยกันทุกฝ่าย
ขณะเดียวกันการพิจารณาเรื่องการเจรจา การทำประมงในน่านน้ำอินโดนีเซีย นายกรัฐมนตรีระบุว่า เป็นประเทศอาเซียนเหมือนกันและอีกทั้งยังมีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทย โดยไม่ได้แย่งกันทำงาน เพราะอินโดนีเซียก็มีทรัพยากร ขณะที่ไทยมีความรู้ความสามารถและบุคลากร ถ้าสามารถร่วมงานกันได้ การประสานผลประโยชน์น่าจะลงตัว และหากแบ่งผลประโยชน์ได้ลงตัวก็ เชื่อว่าสามารถเดินหน้าได้ พร้อมกับกล่าวย้ำว่าเดิมทีไทยมีการส่งออกสินค้าทางทะเล 3.5 แสนล้านบาท แต่ปัจจุบันต้องนำเข้า 1.5 แสนล้านบาท ต่อปี ซึ่งผ่านมาแล้ว 8-9 ปี ซึ่งจะต้องมีการแก้ไขปัญหา แต่ไม่ขอมองปัญหาเก่า ขอเดินหน้าแก้ไขปัญหา อย่าไปว่าใครเลยดีกว่า
ส่วนกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาของชาวประมงหลังถูกตีตกไป นายกรัฐมนตรีมั่นใจว่า สามารถแก้ไขปัญหาได้บ้าง โดยมอบหมายร้อยเอกธรรมนัส เป็นผู้รับผิดชอบ
ส่วนเรื่องการปรับขึ้นค่าแรงที่เป็นนโยบายหลัก นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเป็นนโยบายของทุกพรรค ซึ่งก็น้อมรับฟังความคิดเห็นจากนายกสมาคม ว่าจะต้องระมัดระวังในการปรับขึ้น เพราะจะเป็นการเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายกับทุกภาคส่วน ขณะเดียวกันก็มีความจำเป็นเนื่องจากค่าครองชีพสูงขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ เน้นการเพิ่มรายได้ ซึ่งหากทำได้ก็จะสามารถเพิ่มค่าแรงให้แรงงานได้ แต่จะพิจารณาก่อนว่าจะขึ้นอะไรอย่างไร หากพร้อมก็จะทำทันที ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นช่วงต้นปีหน้า โดยขอหารือกับพรรคร่วมอีกครั้งหนึ่งก่อน
โดยนายกรัฐมนตรี ทิ้งท้ายว่า การทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีของตน เป็นรัฐบาลของประชาชน เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องร่วมกันกับพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ใช่รัฐบาลของพรรคเพื่อไทยและเชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคน เป็นห่วงปัญหาปากท้องของประชาชน และมีความปรารถนาดี ขอแค่โอกาส
โดยภายหลังเสร็จสิ้นการให้สัมภาษณ์นายเศรษฐา ได้มีการพูดคุยกับตัวแทนภาคประมง ก่อนที่จะเดินมาที่เต้นท์อาหารเที่ยงและตักอาหารทานเอง โดยใช้จานแบบที่ใช้บนเรือประมง ซึ่งวันนี้มีเมนูปลาอินทรีย์ทอด แกงเขียวหวานไก่ และผัดกะเพราทะเล