ปศุสัตว์ลำปางทำลายซากสัตว์ของกลาง 3 ตัน พบขบวนการลักลอบนำเข้าปลอมเอกสารขนย้าย และนำไปขายราคาถูก สมาคมผู้เลี้ยงสุกรฯวอนเร่งแก้ปัญหาเพราะทำลายเกษตรไทยทั้งระบบ
นายจำลักษ์ กันเพ็ชร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธานในการทำลายซากสุกรของกลางทิ้งด่านกักกันสัตว์ลำปาง ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง โดยนายศร ธีปฏิมากร ปศุสัตว์จังหวัดลำปาง กล่าวรายงานว่า สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดลำปาง ด่านกักกันสัตว์ลำปาง ร่วมมือกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ ร่วมกันจัดพิธีทำลายซากสัตว์ของกลาง ณ ด่านกักกันสัตว์ลำปาง ในวันนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดจากเชื้อก่อโรคที่มาจากซากสุกรที่ลักลอบเคลื่อนย้ายโดยไม่ได้รับอนุญาตเข้าพื้นที่จังหวัดลำปาง ตามมาตรการควบคุม ป้องกัน การเกิดโรคระบาดชนิดอหิวาต์แอฟริกาและโรคระบาดในสุกร
ซึ่งกรมปศุสัตว์ ได้สั่งการให้สำนักงานปศุสัตว์ทุกพื้นที่ทุกอำเภอ ด่านกักกันสัตว์ทุกหน่วยเข้มงวดมาตรการการเคลื่อนย้ายสุกรมีชีวิต ซากสุกร เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดจากเชื้อก่อโรคที่มาจากสุกรมีชีวิต ซากสุกรที่ลักลอบเคลื่อนย้าย โดยไม่ได้รับอนุญาตเข้าพื้นที่ จนอาจเกิดผลกระทบทั้งด้านความปลอดภัย ทางอาหารของผู้บริโภค และส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร
ก่อนหน้านี้สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดลำปาง ร่วมกับด่านกักกันสัตว์ลำปาง ได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดลักลอบเคลื่อนย้ายซากสัตว์ จำนวน 3,000 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2566 ณ จุดตรวจสัตว์แม่พริก ตำบลแม่พริก อำเภอแม่พริก จังหวัดลำปาง และได้ดำเนินการเก็บตัวอย่างซากสุกรของกลางส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคเหนือตอนบนจังหวัดลำปาง
ซึ่งผลตรวจซากสัตว์พบ สารพันธุกรรมของเชื้อ Salmonella spp. ซึ่งอาจก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคขึ้นได้ ดังนั้น จึงได้ดำเนินการทำลายซากสัตว์ของกลางดังกล่าว ด้วยวิธีการฝังซากสัตว์บริเวณที่ดอนที่น้ำท่วมไม่ถึง ห่างจากแม่น้ำธรรมชาติหรือไกลจากแหล่งชุมชน โดยให้ส่วนบนสุดของซากอยู่ใต้ระดับผิวดินไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร เพื่อป้องกันการเกิดการแพร่ระบาดของโรคขึ้น และป้องกันการเกิดผลกระทบด้านความปลอดภัยทางด้านอาหารของผู้บริโภค และส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร
ด้านตัวแทนสมาคมผู้เลี้ยงหมูภาคเหนือ ระบุว่า มีผู้ประกอบการรายใหญ่บางรายสมคบคิดกับผู้มีอำนาจระดับสูง ลักลอบนำชิ้นส่วนสุกรเข้ามาจำหน่ายในประเทศอย่างผิดกฎหมาย ในรูปแบบสุกรแช่แข็งและสุกรแพ็คเป็นกล่อง จากหลายประเทศ เช่น บราซิล ,รัสเซีย ,สเปน เป็นต้น ซึ่งสุกรในประเทศดังกล่าวล้วนแล้วแต่เกิดสภาวะโรคระบาด ASF มาแล้ว
การลักลอบนำเข้ามาเป็นการนำซากสุกรที่มีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัส ASF เข้ามาในประเทศไทย(เชื้อไวรัส ASF มีความคงทนและอยู่ในเนื้อสุกรได้ยาวนาน) อาจก่อให้เกิดการระบาดของเชื้อ ASF อีกครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นการซ้ำเติมเกษตรกรที่เคยเสียหายจากโรคระบาดนี้จนแทบสิ้นเนื้อประดาตัวกันทั่วประเทศ
การลักลอบนำหมูจากต่างประเทศ ส่งผลทำให้เกษตรกรไทยไม่สามารถขายหมูตามกลไกลทางการตลาดได้ ซึ่งปัจจุบันต้นทุนด้านอาหารสัตว์ปรับตัวสูงขึ้นมาก ส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรมีต้นทุนที่สูงตามมา
หากรัฐบาลและหน่วยงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ไม่เข้ามาช่วยร่วมจัดการเอาจริงเอาจังกับเรื่องชิ้นส่วนที่มีการลักลอบนำเข้ามา อาจส่งผลกระทบและทำรายวงจรอาชีพของเกษตรไทย ซึ่งประเทศไทยมีเกษตรกรที่ทำอาชีพปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ ข้าวโพด ,รำ ,ปลายขาว ,มันสำปะหลัง เป็นจำนวน 4.9 ล้านครัวเรือนจะส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาลูกโซ่กับเศรษฐกิจของไทย มีผลกระทบถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงด้านอาหารของประเทศไทยในอนาคตอันใกล้
ดังนั้นขอฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยในการปราบปรามการลักลอบนำเข้าชิ้นส่วนสุกร ซึ่งทำลายกลไกลทางการตลาดของผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์เศษฐกิจ เช่น สุกร,สัตว์ปีก,โคเนื้อ,กะบือเป็นต้น และอาชีพปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ของประเทศไทย จะทำลายอาชีพเกษตรกรไทยทำความเสียหายเป็นห่วงโซ่ทางเศรษฐกิจ และจะเป็นปัญหาของประเทศไทยต่อไป