วันที่ 19 มกราคม 2566 ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเมธี อรุณ หรือ ลาบานูน รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวขอบคุณนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่สนับสนุนการจัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรโครงการโคบาลชายแดน 50,000 ตัวของกรมปศุสัตว์ เป็นวงเงินจำนวน 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้จังหวัดชายแดนภาคใต้กลายเป็นฮับอาหารฮาลาลของประเทศ ช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
พร้อมกันนี้เมื่อเกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพได้ ก็จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพด้านปศุสัตว์ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์กำลังมุ่งมั่นเดินหน้า “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” เพื่อดูแล คุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยในจังหวัดชายแดนใต้และทั้งประเทศให้ครบทุกด้าน
ก่อนหน้านี้ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ได้เห็นชอบ “โครงการโคบาลชายแดนใต้” ภายใต้กรอบระเบียงเศรษฐกิจฮาลาลจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระยะ 7 ปี (พ.ศ. 2565 – 2571) โดยให้ใช้งบประมาณทั้งหมดจากการกู้ยืมจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จำนวน 1.5 พันล้านบาท ซึ่งนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ทำหน้าที่เป็นหน่วยดำเนินการยืมเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรเพื่อขับเคลื่อนโครงการดังกล่าว นำไปสู่การพัฒนาอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อใน 5 จังหวัดชายแดนใต้ (จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา และสตูล) ส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการประกอบอาชีพ เพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงโคของเกษตรกรสู่มาตรฐานฟาร์มเลี้ยงสัตว์ GFM/GAP เพิ่มปริมาณโคในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปรับปรุงสายพันธุ์โคเนื้อคุณภาพดีที่เป็นความต้องการของตลาด สร้างอาชีพที่เกี่ยวเนื่องในห่วงโซ่การผลิตโค และสร้างพื้นที่ปลอดโรคปากและเท้าเปื่อย
น.ส.รัชดา กล่าวว่า นายเฉลิมชัยฯ ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ร่วมกับศูนย์อำนวยการบริหารจับหวัดชายแดนใต้ (ศอ.บต.) เร่งดำเนินการโครงการ คาดว่าจะเริ่มได้ทันทีในเดือน ม.ค. 2566 เมื่อครม.พิจารณาเห็นชอบ โดยตั้งเป้าหมาย มีกลุ่มวิสาหกิจโคไทยในหมู่บ้านเข้าร่วมโครงการ 1,000 กลุ่ม เกษตรกร 10,000 ราย ได้แม่โคพื้นเมือง 50,000 ตัว (ในระยะเวลา 7 ปี) แบ่งเป็น ระยะนำร่อง 3,000 ตัว ระยะที่สอง 22,000 ตัว ระยะที่สาม 25,000 ตัว ซึ่งกลุ่มวิสาหกิจโคไทย สามารถกู้ยืมเงิน กลุ่มละไม่เกิน 1,550,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย สำหรับปีที่ 1 –3 ปลอดการชำระหนี้เงินต้น ปีที่ 4 –7 ชำระคืนเงินต้นร้อยละ 25 ต่อปี และปลอดดอกเบี้ย 7 ปี
มากไปกว่านั้น ภายใต้โครงการนี้ จะมีการจัดตั้งศูนย์ผลิตอาหารสัตว์ (Feed Center) จำนวน 3 แห่ง (จังหวัดปัตตานี สตูล และนราธิวาส) และจัดตั้งร้านตัดแต่ง แปรรูปและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนื้อโค (Butcher Shop) จำนวน 5 แห่ง ส่วนแผนการทำงานเริ่มด้วยการสนับสนุนการเลี้ยงแม่โคพันธุ์พื้นเมืองที่มีความเหมาะสมกับพื้นที่ในคอกกลางของหมู่บ้าน มีคณะกรรมการหมู่บ้านเป็นกลไกขับเคลื่อน รวมถึงมีการส่งเสริมอาชีพที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ กลุ่มปลูกพืชอาหารสัตว์ กลุ่มผลิตอาหารสัตว์ กลุ่มขุนโค กลุ่มแปรรูปเนื้อโค และกลุ่มจำหน่ายเนื้อโค