ทีม K-9 หรือชุดปฏิบัติการทีมสุนัขดมกลิ่น เข้ามาร่วมภารกิจกับสารวัตรกรมปศุสัตว์ที่ด่านกักกันสัตว์สุวรรณภูมิประตูบานแรกที่ต้อนรับนักเดินทางทั่วโลก เพื่อตรวจหาซากสัตว์ เนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ตามกระเป๋าเดินทางหรือสัมภาระของผู้โดยสาร ตามกฎหมายพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558
การตรวจพบส่วนใหญ่จะเป็นชาวเอเชียที่นำสินค้าติดตัวจำพวกเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อหมู ที่เป็นเนื้อสด รวมทั้งผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ เช่น แฮม แหนม ไส้กรอก หมูยอ และกุนเชียง เข้ามาในประเทศไทยเพื่อบริโภคหรือบางส่วนเพื่อค้าขาย
ซึ่งการกระทำเหล่านี้อาจเป็นพาหะนำเชื้อโรคระบาดสัตว์หรือโรคอุบัติใหม่เข้าสู่ประเทศไทย เช่น โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever) และโรคไข้หวัดนก หากโรคเข้าสู่ประเทศไทยจะทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรและสัตว์ปีกเกิดความเสียหายอย่างรุนแรงกรมปศุสัตว์จึงมีมาตรการเข้มงวดในการเฝ้าระวังและป้องกันโรคระบาด เพื่อรักษามาตรฐานเศรษฐกิจด้านปศุสัตว์ และสุขภาพของประชาชน
ปัจจุบันทีม K-9 มีสมาชิกน้องๆ บีเกิ้ล จำนวน 14 ตัว ด้วยลักษณะพิเศษของสุนัขพันธุ์บีเกิ้ลที่มีขนาดตัวเล็กฉลาด ว่องไว ประสาทสัมผัสการดมกลิ่นดีมาก และที่สำคัญคือเป็นมิตรต่อผู้คน จึงเหมาะสมกับการปฏิบัติภารกิจที่สนามบิน ซึ่งนับตั้งแต่เปิดประเทศหลังจากสถานการณ์โควิด19 สนามบินกลับมาคึกคักอีกครั้ง มีผู้คนมากมายพลุกพล่านอยู่ตลอดเวลา ในหนึ่งวันจะมีเที่ยวบินขาเข้าไม่ต่ำกว่า 300 เที่ยวบิน ในช่วงสถานการณ์ปกติ เจ้าหน้าที่จะเลือกเที่ยวบินที่มีความเสี่ยง คือ เที่ยวบินจากประเทศต้นทางที่มีการระบาดของโรค รวมถึงเที่ยวบินที่มีประวัติพบผู้โดยสารนำซากสัตว์เข้าประเทศบ่อยๆ
ภารกิจของน้องๆ ในหนึ่งวัน จะมีทีมพี่ๆ สารวัตรกรมปศุสัตว์พาน้องบีเกิ้ล 2 ตัว/ 1 workshift ลงตรวจสายพานวางสัมภาระผู้โดยสารขาเข้า โดยช่วงเวลาปฏิบัติหน้าที่จะประมาณ 4 ชั่วโมงต่อหนึ่งรอบการทำงาน เหตุที่ให้น้องทำงานเป็นคู่เพราะต้องการเพิ่มความแม่นยำในการระบุสัมภาระต้องสงสัยมากขึ้นเมื่อพบสัมภาระต้องสงสัย
สารวัตรกรมปศุสัตว์ก็จะดำเนินการขออนุญาตเปิดกระเป๋าเดินทางเพื่อทำการพิสูจน์ หากพบเจอจะยึดและดำเนินการทำลายเชื้อในเบื้องต้นด้วยการจุ่มหรือฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ พร้อมเก็บตัวอย่างส่งตรวจเพื่อเฝ้าระวังโรคระบาดสัตว์ และทำลายในขั้นต่อไป
ในกรณีเจ้าของไม่แสดงตัว ก่อนทำการเปิดตรวจพิสูจน์เจ้าหน้าที่จะติดต่อกับสายการบินเพื่อนำกระเป๋าไปตรวจสอบด้วยภาพจากเครื่องเอกซเรย์ช่วยยืนยันว่าอาจมีซากสัตว์ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 บรรจุอยู่ภายใน ในการนี้เจ้าหน้าที่สายการบินในฐานะพยานและผู้ลงนามยินยอมรับทราบแทนเจ้าของสัมภาระ
หากการเปิดตรวจพิสูจน์พบว่ามีการกระทำความผิดตามที่สุนัขดมกลิ่นบ่งชี้ หากการเปิดตรวจพิสูจน์พบว่ามีการกระทำความผิดตามที่สุนัขดมกลิ่นบ่งชี้ กรณีผู้โดยสารไม่ยินยอมจึงนำมาตรการตามกฎหมาย มาตรา 31 พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 เข้ามาใช้ โดยผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ