นายแพทย์สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจากกลุ่มชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด เพื่อขอให้ประสานไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งรัดการปรับขึ้นราคาน้ำนมดิบเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศไทย โดยนายสมพงษ์ พัวพานเพชร ประธานชมรมสหกรณ์โคนมภาคกลาง จำกัด กล่าวว่า สืบเนื่องจากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ได้รับความเดือดร้อนเรื่องราคาน้ำนมดิบที่มีราคาต่ำ ไม่สอดคล้องกับราคาสินค้าอาหารซึ่งเป็นต้นทุนที่ใช้เลี้ยงวัวแพงขึ้น
กลุ่มชุมนุมฯจึงมีการผลักดันให้ขึ้นราคาน้ำนมดิบจนขณะนี้ได้ผ่านขั้นตอนของกรรมการโคนมและผลิตภันฑ์นมเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาปรับขึ้นราคาน้ำนมดิบ บรรเทาความเดือดร้อนประชาชน จึงขอความอนุเคราะห์ไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎรประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเร่งรัดขั้นตอนกระบวนการในเรื่องดังกล่าวเพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติให้ปรับขึ้นราคาน้ำนมดิบเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมโดยเร็วด้วย
ด้านนายแพทย์สุกิจ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ กลุ่มสมาชิกสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทยประมาณ 130 คน นำโดยนาย นัยฤทธิ์ จำเล ประธานที่ปรึกษาฯ และนายณัฐวัฒน์ ทองงามขำ เดินทางไปชุมนุมที่บริเวณกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งรัดเรื่องปรับราคาน้ำนมให้เข้าตามมติ ครม.
โดยนายนัยฤทธิ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ระบุว่า ตัวแทนรัฐบาลได้ติดต่อมาว่าจะมีการจัดประชุมหารือ กลุ่มจึงจัดตัวแทน 25 คน เพื่อเจรจาหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาว่าทางภาครัฐ จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้วันไหนหรือไม่อย่างไร แต่ถ้าผลการเจรจาหาข้อยุติไม่ได้ จะยังคงชุมนุมต่อไปจนกว่าจะได้รับคำตอบที่ชัดเจน
โดยย้ำวัตถุประสงค์ที่มารวมตัวชุมนุม คือ ต้องการมาเร่งรัดปรับราคาน้ำนม ตามมติประชุมคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม หรือมิลค์บอร์ด ที่ได้เห็นชอบ 3 มาตรการ ประกอบด้วย
-เห็นชอบปรับราคากลางรับซื้อน้ำนมดิบ หน้าศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบในปี 2565 จากกิโลกรัมละ 17.50 บาทเพิ่มขึ้น กิโลกรัมละ 2.25 บาท เป็นกิโลกรัมละ 19.75 บาท เห็นชอบปรับราคากลางรับซื้อน้ำนมโค หน้าโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นม ในปี 2565 จากกิโลกรัมละ 19 บาท เป็น 20.50 บาท ภาครัฐชดเชยให้ศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบ 0.75 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน โดยคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 270 ล้านบาท
ต่อมากลุ่มตัวแทนมาเพิ่มจำนวน 40 คน จึงได้เข้าประชุมหารือกับนายประยูร อินสกุล รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายในห้องประชุม 134 กระทรวงเกษตรฯ ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมต้องการให้เรื่องปรับราคาน้ำนม เข้าในวาระการประชุม ครม.ภายในวันที่ 9 สิงหาคมนี้
ขณะเดียวกันนายประยูร รับทราบปัญหาและเรื่องดังกล่าวแล้ว พร้อมแจ้งว่า ขณะนี้เรื่องอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะสามารถนำเข้าที่ประชุม ครม.ได้ และขอเวลาศึกษารายละเอียด 1-2 สัปดาห์
ทางกลุ่มไม่พอใจกับคำตอบที่ไม่สามารถรับปากได้ว่าจะนำเรื่องเข้า ครม.ในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ได้จึงยืนยันที่จะชุมนุมต่อไป และขอเจรจากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ จนกว่าจะได้รับคำตอบที่ชัดเจน
โดยก่อนหน้านี้นายนัยฤทธิ์ ระบุว่า โครงการอาหารเสริม(นม)โรงเรียนมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2535 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน รัฐบาลยังประกาศประกันราคาน้ำนมดิบให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมทั้งประเทศไทย ต่อมาจากภาวะวิกฤติโรค โควิด -19 ระบาดในประเทศไทย ทำให้ผู้บริโภคมีการบริโภคนมลดลงส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมได้รับความเดือดร้อนหลาย ๆ ด้าน
ขณะเดียวกันจากภาวะวิกฤตโรคระบาด ยังส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจผันผวนราคาน้ำมันแพง วัตถุดิบอาหารสัตว์มีการปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 30- 40% อาหารหยาบมีการปรับตัวสูงขึ้น ปุ๋ย-ยารักษาสัตว์มีราคาแพงขึ้นตามกลไกการตลาด
ขณะเดียวกันอาหารสำเร็จรูปก็มีการปรับราคาสูงขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบ ค่าจ้างแรงงานสูงขึ้นตามนโนบายแห่งรัฐทำให้ต้นทุนการผลิตนมมีต้นทุนสูงขึ้น พร้อมกับค่าครองชีพมีการปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ
จึงส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศไทยเป็นอย่างมาก ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมประสบปัญหาขาดทุน ต้นทุนการผลิตสูง มีรายได้ไม่เพียงพอกับคำใช้จ่าย ส่งผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมหลายรายต้องล้มเลิกกิจการเลี้ยงโคนม ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมได้รับความเดือดร้อน