เพจ Center for Medical Genomics – ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ศูนย์สนับสนุนพันธกิจ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เนื้อหาในเพจระบุหัวข้อ “วิกฤตซ้อนวิกฤต: สัญญาณอันตราย เมื่อพบไวรัสไข้หวัดนกในหมู: เสี่ยงระบาดใหญ่ครั้งใหม่”
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ยืนยันการตรวจพบเชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในหมูเป็นครั้งแรกของประเทศ เมื่อวันพุธที่ 30 ตุลาคม 2567 โดยพบหมูที่ติดเชื้อที่ฟาร์มหลังบ้านแห่งหนึ่งในเขตครุก เคาน์ตี้ รัฐออริกอน(โอเรกอน)
การตรวจพบเชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในหมูนับเป็นพัฒนาการสำคัญในสถานการณ์ไข้หวัดนกที่กำลังระบาดในสหรัฐอเมริกา สะท้อนให้เห็นถึงการแพร่กระจายของไวรัสที่น่าวิตกและผลกระทบที่อาจตามมา
การพัฒนาของไวรัสไข้หวัดนกครั้งนี้น่าวิตกด้วยเหตุผลหลายประการ:
1. ความเป็นไปได้ในการกลายพันธุ์ของไวรัส: หมูเป็นที่รู้จักในฐานะ “ภาชนะผสม” สำหรับไวรัสไข้หวัดใหญ่ พวกมันสามารถติดเชื้อได้ทั้งจากสายพันธุ์นกและมนุษย์ ซึ่งอาจนำไปสู่การผสมพันธุกรรมและการเกิดไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่
2. เพิ่มความเสี่ยงการแพร่เชื้อสู่มนุษย์: การพบเชื้อ H5N1 ในหมูอาจเพิ่มความเสี่ยงที่ไวรัสจะปรับตัวให้แพร่กระจายในหมู่มนุษย์ได้ง่ายขึ้น
3. บทเรียนจากอดีต: หมูเคยเป็นต้นตอของการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่มาก่อน รวมถึงการระบาดของ H1N1 ซึ่งยิ่งเพิ่มความกังวลต่อการค้นพบครั้งนี้
ริชาร์ด เว็บบี นักไวรัสวิทยาจากโรงพยาบาลเด็กเซนต์จูด ผู้ศึกษาไข้หวัดใหญ่ในสัตว์และนกให้กับองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า สุกรเป็นต้นกำเนิดของการระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ H1N1 ในปี 2009-2010 และถูกระบุว่าเป็นแหล่งกำเนิดของการระบาดอื่นๆ การพบไวรัสในฟาร์มขนาดเล็กทำให้การติดเชื้อในสุกรน่ากังวลน้อยกว่าหากพบในฟาร์มสุกรเชิงพาณิชย์
บทเรียนจากไข้หวัดใหญ่สเปน 1918: การระบาดใหญ่ของไข้หวัดสเปนในปี 1918 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกประมาณ 50-100 ล้านคน นักวิทยาศาสตร์ยังถกเถียงถึงต้นกำเนิดที่แท้จริง โดยมีทฤษฎีที่หลากหลาย ทั้งการเริ่มต้นจากนก หมู หรือมนุษย์ แต่ที่แน่ชัดคือไวรัสชนิดนี้ (H1N1) สามารถแพร่กระจายในมนุษย์ได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อมนุษยชาติ การศึกษาล่าสุดบ่งชี้ว่าไวรัสอาจมีต้นกำเนิดจากนกป่าก่อนที่จะกระโดดข้ามสายพันธุ์มาสู่มนุษย์ โดยอาจผ่านหรือไม่ผ่านสัตว์ตัวกลางอื่นๆ
สถานการณ์ไข้หวัดนกในปัจจุบัน
กรณีใหม่นี้เกิดขึ้นท่ามกลางการระบาดของไข้หวัดนกที่ซับซ้อนในสหรัฐฯ:
– ตรวจพบเชื้อ H5N1 ในวัวนมหลายรัฐ โดยมีฝูงวัวนมที่ได้รับผลกระทบ 320 ฝูงใน 14 รัฐ ณ เดือนตุลาคม 2024
– พบผู้ติดเชื้อที่เป็นมนุษย์ 27 รายในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่สัมผัสกับสัตว์ปีกหรือวัวนมที่ติดเชื้อ
– ศูนย์ควบคุมโรคติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและทำการถอดรหัสพันธุกรรมของตัวอย่างไวรัส
การตอบสนองด้านสาธารณสุข
หน่วยงานด้านสุขภาพมีแนวโน้มที่จะเพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวังและมาตรการควบคุม ศูนย์ควบคุมโรค กระทรวงเกษตร และหน่วยงานอื่นๆ ได้ร่วมมือกันใช้แนวทาง One Health เพื่อจัดการการระบาดของไข้หวัดนก
แม้ว่าความเสี่ยงต่อประชาชนทั่วไปยังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่การพบเชื้อในหมูครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำความสำคัญของการเฝ้าระวังและการวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดและการกลายพันธุ์ที่อาจเกิดขึ้นของไวรัส H5N1
ขณะที่มีข้อมูลว่า ตั้งแต่ปี 2022 เชื้อไวรัสไข้หวัดนก ได้ทำให้มีการฆ่าสัตว์ปีกไปแล้วกว่า 100 ล้านตัว และถือเป็นการระบาดรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา
CR. ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ศูนย์สนับสนุนพันธกิจ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล