วันที่19 มี.ค. 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกองทุนหมู่บ้าน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการโครงการ “โคแสนล้าน” แต่ยังมีเงื่อนไขที่ยังต้องไปพิจารณาต่อคือดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งโครงการนี้มุ่งกู้ไปที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.)แต่อัตราดอกเบี้ยในขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลง จากเดิมโครงการที่เคยทำไว้ดอกเบี้ยประมาณ 4% แต่ขณะนี้ดอกเบี้ยปรับขึ้นเป็นกว่า 5 % จึงต้องหารือเกี่ยวกับเรื่องของดอกเบี้ย เพื่อนำมาพิจารณาอีกครั้ง
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับเนื้อหาสาระของโครงการ มีการพูดคุยในที่ประชุมครม.ว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี รัฐมนตรีหลายคนช่วยกันให้ความเห็นในประเด็นสำคัญ โดยในส่วนของเงินที่จะนำไปซื้อวัว มีการพูดคุยกันว่าจะเอาเงินกู้มาให้ชาวบ้านไปซื้อวัวเอง หรือซื้อวัวไปส่งให้ชาวบ้าน หากวัวมีราคาไม่สูงก็สามารถซื้อวัวได้มากกว่าที่เราตั้งเป้าไว้จาก 2 ตัว เป็น 3 ตัว ซึ่งเป็นโอกาสดีที่เราจะลงทุนในช่วงที่วัวมีราคาไม่สูง
“ที่ประชุม ครม.มีการพูดคุยกันหลายคน สรุปประเด็นออกมาว่าเห็นชอบตามที่ผมได้นำเสนอ ในฐานะที่เป็นประธานกองทุนหมู่บ้าน โครงการนี้เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีอนาคต มีโอกาส และมีทรัพย์สิน ซึ่งผมผลักดันโครงการมา 20 ปีแล้ว วันนี้มีคนมาช่วยผลักดันเยอะ แตกต่างจากในอดีต แต่ก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก วันนี้ก็ต้องขอบคุณ ครม.ที่สนับสนุน” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้สิ่งที่อยากได้ที่สุด คือ องค์ความรู้จากกรมปศุสัตว์ ซึ่ง รมว.เกษตรฯ และ รมช.เกษตรฯ ก็สนับสนุนเพื่อที่จะช่วยอบรมให้แก่เกษตรกรเรื่องของการขยายพันธุ์ อย่างไรก็ตาม โครงการ “โคแสนล้าน” หากเลี้ยงตามวิถีชีวิตของเกษตรกรก็จะเกิดกำลังซื้อ แต่ถ้ามีอาชีพอื่นที่ทำได้ดีกว่านี้หรือแข็งแรงดีกว่านี้ ก็ทำอย่างอื่น แต่ถ้ายังคิดอะไรไม่ออกก็มาทำเรื่องวัว ส่วนเรื่องการกู้เป็นหน้าที่ของสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และกองทุนหมู่บ้าน ก็ต้องไปพิจารณาดูว่าจะช่วยเกษตรกรอย่างไร โดยที่ภาครัฐจะช่วยเหลือเป็นเวลา 2 ปี