เปิดขั้นตอนและกติกา หลังรัฐบาลมาเลเซียไฟเขียว อนุมัติให้นำเข้าโคมากกว่า 12,000 ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศไทย เพื่อให้เพียงพอสำหรับความต้องการภายในประเทศ หลังระงับมาเกือบปี
ย้อนไปเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2564 กรมบริการสัตวแพทย์(VSD)ของมาเลเซีย ระงับการนำเข้าสัตว์เคี้ยวเอื้อง(โค-กระบือ)จากประเทศไทย โดยมีผลทันทีหลังจากประเมินความเสี่ยงของโรคในสัตว์กว่า 41 จังหวัดในประเทศไทย
จากนั้นการประชุมสภาได้มีการอภิปราย จนนำไปสู่การปรับปรุงกฎระเบียบและขั้นตอนการนำเข้าหลายรายการ กระทั่งกรมบริการสัตวแพทย์(VSD)ได้ยกเลิกการแบนการนำเข้าจากไทยเมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา
จากสถิติพบว่า ในปี 2564 มาเลเซียนำเข้าโค 12,405 ตัวจากประเทศไทย ลดลงเพียงเล็กน้อยจากปี2563 ที่นำเข้า 12,553 ตัว
ดังนั้นเกษตรกรผู้เลี้ยงปศุสัตว์โค-กระบือ และผู้ประกอบการส่งออก ควรศึกษาข้อมูลการส่งออกไปยังมาเลเซียให้ละเอียด เพื่อดำเนินการได้ถูกต้องและถูกกฎหมายของมาเลเซีย
เงื่อนไขการส่งออกโคมีชีวิต (เข้าโรงฆ่า) จากประเทศไทยไปยังประเทศมาเลเซีย
1. ชนิดสัตว์ Types of animals : โค-กระบือ (Cattle, Buffalo)
2. ประเทศที่ส่งออก Country of Export : ประเทศไทย (Thailand)
3. วัตถุประสงค์ Purpose: เข้าโรงฆ่า (Slaughter)
4. เงื่อนไข (Regulation for Importation)
ใบอนุญาตนำเข้า (Import Permit)
การส่งออกโคกระบือไปยังมาเลเซียต้องมาพร้อมกับใบอนุญาตนำเข้าที่ถูกต้องซึ่งออกโดยแผนกกักกันสัตว์ของมาเลเซีย
รายละเอียดของสัตว์ (Description of animals)
สัตว์แต่ละตัวจะต้องติดเบอร์หู (Ear tag) เพื่อระบุหมายเลขประจำตัวสัตว์และสามารถติดตามตรวจสอบย้อนกลับได้ก่อนการส่งออก
ใบรับรองสุขภาพสัตว์ (Veterinary Health Certificate)
การส่งออกสัตว์จะต้องแนบใบรับรองสุขภาพสัตว์เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งออกโดยเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ผู้มีอำนาจลงนามของกรมปศุสัตว์ (DLD) ประเทศไทยภายใน 10 วันของการส่งออก โดยให้คำอธิบายเกี่ยวกับ (อายุ, สายพันธุ์,เพศ,จำนวน,หมายเลขประจำตัวสัตว์) และให้การรับรองว่า:
1. ประเทศไทยปลอดจากโรค Contagious Bovine Pleuropneumonia เป็นเวลา 12 เดือน ก่อนถึงวันส่งออก และยังไม่มีรายงานการเกิดโรค Bovine Spongiform Encephalopathy (โรคสมองอักเสบในโค) ในประเทศไทย
2. สัตว์ต้องถูกเลี้ยงในประเทศไทยตั้งแต่แรกเกิด หรือในช่วง 60 วัน ในตำบลที่ไม่มีรายงานการเกิด LSD ก่อนส่งออก
3. สัตว์ได้รับการทดสอบทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาโรคใช้ค่าความชุกที่ 10% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% (มากที่สุด 34 ตัวอย่าง) โดยให้ผลเป็นลบต่อโรคลัมปีสกิน ภายใน 1 เดือนก่อนการส่งออก
4. สัตว์ต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรค LSD ตามคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิต ในช่วงระหว่าง 60 วันถึง1 ปี ก่อนเข้ากัก
5. สัตว์มีถิ่นกำเนิดและเลี้ยงหรือเกิดในจังหวัดที่ปลอดโรคปากเท้าเปื่อย (FMD) ในช่วง 6 เดือนก่อนส่งออก หรือ ไม่มีรายงานการเกิดโรค FMD ในรัศมี 10 กม. ของฟาร์มเป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือนก่อนการส่งออก หรือ สัตว์ที่ส่งออกจะต้องตรวจไม่พบหลักฐานการติดเชื้อ FMD รายตัว ในวันที่ 7 ณ สถานที่กักก่อนการส่งออก
6. สัตว์ต้องมาจากฝูงและมาจากฟาร์มที่ได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์ซึ่งได้รับการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอโดยกรมปศุสัตว์ และปลอดจากโรค Brucellosis ,Tuberculosis, Johne’s disease เป็นเวลา 6 เดือน จนถึงวันส่งออก
7. สัตว์ได้รับการถ่ายพยาธิทั้งภายนอกและภายในด้วยยาถ่ายพยาธิที่ออกฤทธิ์ในวงกว้างตามคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิต และไม่มีอาการทางคลินิคและไม่พบพยาธิภายนอก ก่อนการส่งออก
8. ประเทศไทยห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดง
ช่วงการกักในประเทศไทยก่อนการส่งออก (Pre export Quarantine in Thailand)
1. สัตว์ทั้งหมดที่ถูกส่งออกไปยังประเทศมาเลเซียต้องถูกกักกันเพื่อสังเกตอาการเป็นเวลา 28 วัน ณ สถานกักกันที่ได้รับการรับรองโดยกรมปศุสัตว์และคอกกักของด่านกักกันสัตว์ กองสารวัตรและกักกัน กรมปศุสัตว์ พร้อมทั้งขั้นตอนดังนี้
A. สังเกตอาการทางคลินิคของโรค FMD และโรคติดเชื้ออื่นๆ
B. ฉีดวัคซีนป้องกันโรค FMD ด้วยวัคซีนชนิด 3 type (Trivalent vaccine O, A, Asia 1) เข็มที่ 1 ณ สถานกักกันที่ได้รับการรับรองโดยกรมปศุสัตว์ก่อนส่งออกไปมาเลเซีย
C. ฉีดวัคซีนป้องกันโรค FMD ด้วยวัคซีนชนิด 3 type (Trivalent vaccine O, A, Asia 1) เข็มที่ 2 ณ สถานกักกันที่ได้รับการรับรองโดยกรมปศุสัตว์ก่อนส่งออกไปมาเลเซีย
D. ต้องมีบันทึกสั่งกักและรายงานการกักกันโรคของกรมปศุสัตว์ทุกครั้งก่อนการส่งออกโคกระบือไปยังประเทศมาเลเซีย
2. สัตว์ได้รับการรักษาภายใต้โปรแกรมควบคุมแมลงพาหะด้วยสารสังเคราะห์กลุ่มไพรีทรอยด์ 7 วัน ก่อนส่งออกไปยังมาเลเซีย
3. สัตว์ไม่แสดงอาการทางคลินิกของโรค LSDในวันที่ส่งออก
4. ต้องมีรายงานการกักกันสัตว์ที่ออกโดยเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ผู้มีอำนาจของกรมปศุสัตว์ DLD ที่ดูแลศูนย์กักกัน/ฟาร์มที่ได้รับอนุมัติสำหรับการส่งออกโคกระบือมีชีวิตไปยังประเทศมาเลเซีย โดยต้องมีข้อมูลดังต่อไปนี้ :
4.1 วันที่เข้ากัก (Date of entry)
4.2 หมายเลขประจำตัวสัตว์ (Identification no of animal)
4.3 วันที่ฉีดวัคซีน FMD เข็มที่1 และเข็มที่ 2 (Date of vaccination for PI and P2)
4.4 วันที่ฉีดวัคซีน LSD (Date of vaccination for LSD)
4.5 ข้อมูลการรักษา (ถ้ามี) (Information on treatment (if any))
4.6 วันที่ออก (Date of discharge)
4.7 ชื่อและตราประทับอย่างเป็นทางการของสัตวแพทย์ผู้รับผิดชอบ (Name and official stamp of Veterinary Medical Doctor in charge.)
5. การขนส่งสัตว์ Transportation and Landing
การขนส่งสัตว์จะต้องดำเนินการด้วยยานพาหนะที่เหมาะสมโดยตรงไปยังสถานที่ที่กำหนดในประเทศมาเลเซีย
6. เมื่อสัตว์ไปถึงมาเลเซีย Arrival in Malaysia
6.1. เมื่อสัตว์มาถึงด่านกักกันสัตว์ของมาเลเซียจะถูกตรวจสอบโดยด่านฯท่าเข้าและส่งไปกักกันเพื่อสังเกตอาการ ณ สถานกักที่ได้รับรองของมาเลเซียบริเวณชายแดน
6.2. สัตว์ที่มาถึงท่าเข้าจะต้องมีใบรับรองสุขภาพสัตว ใบรายงานการกัก ที่ออกโดยกรมปศุสัตว์ (DLD) ใบอนุญาตให้นำเข้า (Import permit) ที่ออกโดย MAQIS
7. การจองคอกกัก Booking of quarantine
ผู้นำเข้าหรือตัวแทนผู้นำเข้าต้องจองคอกกักของ MAQIS หรือคอกกักที่ได้รับการรับรอง โดยให้ระบุจำนวนสัตว์ที่จะนำเข้าและวันที่จะนำเข้าเบื้องต้น ก่อนการนำเข้าสัตว์ ผู้นำเข้าจะต้องให้คำมั่นว่าจะนำเข้าหรือนำเข้าสัตว์เฉพาะที่มีการจองคอกกักเท่านั้น
8. การกักกันสัตว์ในมาเลเซีย Quarantine in Malaysia
8.1 สัตว์ทั้งหมดจะต้องถูกกักกันเป็นเวลาอย่างน้อย 14 วันที่คอกกักกันของ MAQIS หรือคอกกักที่ได้รับการรับรอง
8.2 สัตว์ทั้งหมดจะถูกปล่อยในวันที่ 15 ของการกัก หากพบว่ามีสุขภาพแข็งแรงและปลอดจากโรคติดเชื้อหรือโรคติดต่อใดๆ (อาจขยายระยะเวลากักกันหากเห็นว่าจำเป็น)
8.3 ใบรับรองการปล่อยหลังการกัก (MKIO) จะออกโดย MAQIS
8.4 หลังจากกักกันสัตว์จะต้องเคลื่อนย้ายด้วยยานพาหนะที่ปิดสนิทจากคอกกัก
8.5 ไปยังโรงฆ่าสัตว์ที่ได้รับการรับรอง เพื่อการฆ่าทันที หรือไปยังลานจอดหรือโรงฆ่าที่ได้ขึ้นทะเบียนจากกรมสัตวแพทย์บริการของมาเลเซีย (DVS) ภายใน 30 วัน กรณีที่ล่าช้า
9. กรณีระงับการนำเข้า Suspension of Import อธิบดีกรมสัตวแพทย์บริการของมาเลเซีย (DVS) สามารถระงับการนำเข้าเมื่อใดก็ได้ที่เห็นว่ามีความจำเป็นการระงับการนำเข้าโคกระบือมีชีวิตจากประเทศไทยทั้งแบบชั่วคราวหรือถาวร ในกรณีที่มีการระบาดของโรคหรือสงสัยว่ามีการระบาดของโรคหรือในกรณีที่นำเข้าโดยฝ่าฝืนข้อกำหนดข้างต้น
10. สิทธิในการแก้ไขข้อกำหนดการนำเข้า (Right to Amend Import Requirements.) อธิบดีกรมสัตวแพทย์บริการของมาเลเซีย (DVS) ขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขข้อกำหนดข้างต้นได้ตลอดเวลาตามที่เห็นสมควร