ประวัติ
หน่อไม้ฝรั่งสายพันธุ์ KC417-3 ได้จากการรวบรวมพันธุ์ในแปลงเกษตรกรที่ ตำบลหนองหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ในปี 2555 โดยรวบรวมเมล็ดพันธุ์ผสมเปิดของหน่อไม้ฝรั่งต้นคัดเลือกจากแปลงเกษตรกรที่ปลูกหน่อไม้ฝรั่งเพื่อการส่งออก 5 แปลง รวม 25 สายพันธุ์ ปลูกคัดเลือกที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาญจนบุรี ระหว่างปี 2556-2558 ตามแผนการคัดเลือกต้นต่อแถว (plant to rows) จำนวน 2 ครั้ง
โดยในครั้งแรกปลูกต้นคัดเลือกจากแปลงเกษตรกรทั้งหมดเป็นแปลงย่อย ๆ ละ 96 ต้น จำนวนต้นรวม 2,400 ต้น คัดเลือกไว้ 20 สายพันธุ์ๆ ละ 10-15 ต้น รวม 253 ต้น จากนั้นคัดเลือกซ้ำคัดเลือกไว้ 14 สายพันธุ์ๆ ละ 2-4 ต้น รวม 32 ต้น (สายพันธุ์) เก็บเมล็ดผสมเปิดปลูกคัดเลือกเป็นครั้งที่ 2 และประเมินผลผลิต คัดเลือกได้ 9 สายพันธุ์ ได้แก่ KC207-4 KC208-2 KC210-9 KC417-3 KC419-5 KC420-12 KC521-2 KC522-9 และ KC525-3
ปี 2559-2563 ปลูกเปรียบเทียบพันธุ์หน่อไม้ฝรั่งที่คัดเลือกร่วมกับพันธุ์การค้า (F2-Mary Washington) ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกาญจนบุรี และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครสวรรค์ วางแผนการทดลองแบบ RCB จำนวน 3 ซ้ำ พบว่า สายพันธุ์ KC417-3 เจริญเติบโต และให้ผลผลิตดีทั้งสองสถานที่ ดีกว่าหรือไม่แตกต่างจากพันธุ์การค้า จึงขอรับรองเป็นพันธุ์แนะนำ
วัตถุประสงค์
เพื่อปรับปรุงพันธุ์หน่อไม้ฝรั่งให้มีผลผลิตสูง และคุณภาพหน่อได้ตามมาตรฐานการส่งออก
ลักษณะเด่น
1.การให้ผลผลิต
1.1 ให้ผลผลิตรวมเฉลี่ย 1,554 กก/ไร่ สูงกว่าพันธุ์การค้า 2 เปอร์เซ็นต์
1.2 ให้ผลผลิตมาตรฐานเฉลี่ย 1,118 กก./ไร่ สูงกว่าพันธุ์การค้า 17 เปอร์เซ็นต์
1.3 ให้ผลผลิตมาตรฐานชั้นพิเศษ A ตูมเฉลี่ย 682 กก./ไร่ สูงกว่าพันธุ์การค้า 2 เปอร์เซ็นต์
2.ปลายยอดหน่อตูมแน่นเป็นรูปสามเหลี่ยม และคุณภาพหน่อได้ตามมาตรฐานการส่งออก
แนะนำให้ปลูกในสภาพดินร่วนปนทรายจนถึงดินร่วนเหนียว หน้าดินลึก ระบายน้ำดีพื้นที่ภาคกลาง เช่น นครสวรรค์ สุพรรณบุรี นครปฐม พื้นที่ภาคตะวันตก เช่น กาญจนบุรี ราชบุรี
เมื่ออากาศมีสภาพร้อนชื้นและฝนตกชุกต่อเนื่องให้ระมัดระวังการระบาดของโรคลำต้นไหม้ และป้องกันกำจัดทันทีเมื่อพบการเกิดโรค รวมทั้งเก็บซากพืชทำลายนอกแปลงปลูก