กรมวิชาการเกษตร ระบุว่า การส่งออกผลไม้ เช่น มะม่วงไปจำหน่ายต่างประเทศ ปัญหาที่ต้องระวังมากที่สุด แมลงศัตรูพืชติดไปกับมะม่วง…เจอที่ไหน หมดสิทธิเข้าประเทศนั้น แถมสินค้ายังถูกยึดทำลายทั้งหมด
“แมลงวันผลไม้” ถือเป็นศัตรูเบอร์ 1 ที่ทุกประเทศตรวจเข้มมากที่สุด…ตัวเต็มวัย หนอน ไข่ มีชีวิตห้ามเข้าประเทศโดยเด็ดขาด
วิธีการกำจัด หนอน ไข่ ที่ฝังตัวอยู่ในเนื้อผลไม้ให้สิ้นชีพไปนั้น ที่นิยมทำกันในบ้านเรามีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี…1) อบด้วยไอน้ำ 2) ฉายรังสีโคบอลต์ 60 แต่ต้นทุนสูง มะม่วง 1 กก. มีค่าใช้จ่าย ในการกำจัดแมลงวันผลไม้ 60-70 บาท
มีวิธีการใหม่ ต้นทุนต่ำเหลือแค่ กก.ละ 10 บาท แถมคุณลักษณะของสีผิวมะม่วง รสชาติ เนื้อสัมผัส มีอายุการวางจำหน่าย 14 วันเหมือนเดิม เท่ากับวิธีการเดิมมีต้นทุนแพงกว่า 6-7 เท่าตัว และแช่น้ำร้อน 10 นาที
“เป็นความรู้ที่ได้มาจากการไปดูงานที่เม็กซิโก เมื่อปี 2557 เม็กซิโกเอามะม่วงสุกไปแช่น้ำร้อนสามารถกำจัดแมลงวันผลไม้ส่งออกไปสหรัฐฯได้ และในช่วงที่กลับมา ประเทศจีนลูกค้าสำคัญ ส่งสัญญาณเรื่องมะม่วงของเรามีปัญหาพบแมลงวันผลไม้ติดไปมาก จึงเริ่มลงมือศึกษาทดลองทันที”
สัญญาณี ศรีคชา นักกีฏวิทยาชำนาญการพิเศษ สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร บอกถึงที่มาของการพิชิตแมลงวันผลไม้แบบต้นทุนต่ำ…เพราะสิ่งที่รู้มาจากเม็กซิโก เป็นแค่หลักการเอามะม่วงลงแช่ในน้ำร้อนกำจัดแมลงวันผลไม้ได้เท่านั้น
ส่วนจะต้องแช่น้ำร้อนด้วยวิธีไหน อุณหภูมิเท่าไร นานขนาดไหน เม็กซิโกปิดเป็นความลับ… เป็นคำตอบที่ สัญญาณี จะต้องศึกษาวิจัยและทดลองด้วยตัวเอง
ในที่สุด 4 ปีผ่านไป ผลการศึกษาทดลองกับมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง พบว่า…ต้องแช่ในน้ำร้อนอุณหภูมิ 46 ํC โดยให้อุณหภูมิในผลมะม่วงร้อน 46 ํC นาน 10 นาที สามารถกำจัดไข่และหนอนแมลงวันผลไม้ได้ 99.9968%
“แต่มะม่วงที่จะนำมาใช้กับวิธีนี้ได้ ต้องมีความสุกแก่ 85% และต้องมาจากสวนที่มีการทำระบบป้องกันโรคแอนแทรคโนส เพราะถ้ามีโรคนี้ติดมา ความร้อนจะไปกระตุ้นโรคทำให้ผิวมะม่วงไม่สวย มีจุดด่างดำ”
สัญญาณี บอกอีกว่า วิธีนี้ไม่เพียงใช้ได้กับมะม่วง ยังสามารถนำไปใช้กับผลไม้ชนิดอื่น ๆได้อีก เช่น ฝรั่ง มะละกอ มะยงชิด เป็นต้น
