ย่างเข้าปลายฤดูฝนแล้ว หลายสวนกำลังขะมักเขม้นกับการคราดโคนต้นทุเรียน มังคุด เงาะ โดยมีความเชื่อว่าเมื่อโคนต้นแห้งเร็วต้นไม้ก็จะออกดอกเร็วขึ้น ถ้าไม่คราดโคนแล้วก็จะไม่สบายใจ นอนไม่หลับ
ปัจจัยในการออกดอกของไม้ผลเมืองร้อนไม่ได้มีแต่การกระทบแล้งเพียงอย่างเดียวแต่ปัจจัยที่สำคัญอีกตัวหนึ่งคือความสมบูรณ์ของต้นและทั้ง 2 ปัจจัยนี้มีความสัมพันธ์กัน นั่นคือถ้าต้นสมบูรณ์มากความต้องการกระทบแล้งจะน้อย ถ้าต้นสมบูรณ์น้อยก็ต้องการกระทบแล้งมากขึ้น
การคราดโคนเป็นประจำจะทำให้ระบบรากพืชที่อยู่บริเวณผิวหน้าดินเสียหาย ระบบนิเวศน์ที่ซับซ้อนใต้โคนต้นเสียสมดุล ส่งผลให้ต้นไม้ผลของเราอ่อนแอ ไม่สมบูรณ์ ลองนึกภาพถึงต้นไม้ที่อยู่ในธรรมชาติที่ไม่ค่อยป่วยตายง่ายเหมือนที่เราปลูกในสวนเป็นเพราะว่ามีความสมดุลของระบบนิเวศน์นั่นเอง
ชาวสวนหลายคนให้เหตุผลว่าที่ต้องคราดโคนเพราะคิดว่าเวลาหว่านปุ๋ยแล้วจะตกค้างไม่ถึงพื้นดินซึ่งความจริงแล้วเมื่อเราหว่านปุ๋ยแล้วถ้าฝนไม่ตก เราควรให้น้ำเพื่อละลายปุ๋ยซึ่งทำให้ปุ๋ยถึงพื้นดินแน่นอน
ปีนี้คาดการณ์ว่าจะเกิดภัยแล้งรุนแรง การมีเศษวัสดุคลุมโคนจะช่วยเก็บรักษาความชื้นในดินไว้ได้นานขึ้นและเศษวัสดุนี้จะย่อยสลายกลายเป็นอินทรีย์วัตถุเป็นประโยชน์ต่อพืชส่งเสริมให้พืชมีการแตกรากหาอาหารบริเวณผิวหน้าดินต่อไป
การคลุมโคนต้นด้วยเศษพืช หญ้าแห้งหรือฟางข้าว
เกษตรกรต้องจัดการพืชให้คายน้ำน้อย ๆ จัดการธาตุอาหารให้พืชพร้อมรับการขาดน้ำและจัดการพืชโดยเฉพาะไม้ผลให้พร้อมรับภาวะแห้งแล้ง วิธีการหนึ่งก็คือ ป้องกันการระเหยของน้ำในดินโดยการคลุมโคนต้นพืชด้วยเศษพืช ซังข้าว หรือใช้พลาสติกปลูกพืช ได้ตามความเหมาะสมหรือเป็นการให้ร่มเงาเพื่อเป็นการลดแสงแดดที่ส่งลงมายังผิวดินวิธีการดังกล่าวนี้จะช่วยให้สามารถเก็บน้ำในดินไว้ได้นาน และควรผสมผสานกับวิธีการให้น้ำแบบที่ประหยัดน้ำ เช่น ให้เฉพาะจุดเฉพาะต้น
เทคนิคง่าย ๆ ที่ช่วยให้ต้นไม้ข้ามพ้นภัยแล้ง ก็คือ การหาวัสดุคลุมดินบริเวณโคนต้นพืชเอาไว้ วัสดุคลุมดินนี้จะช่วยป้องก้นการระเหยของน้ำได้มากแม้ว่าแดดจะร้อนเพียงใด ต้นไม้ก็จะไม่เหี่ยวเฉาเหมือนกับต้นที่ไม่ได้มีวัสดุคลุมโคนต้นเอาไว้และช่วยประหยัดน้ำได้มากด้วย
วัสดุคลุมดินที่นิยมใช้กันทั่วไป ได้แก่ ฟางข้าว เศษใบไม้แห้งหรือจะเป็นกาบมะพร้าวสับก็ใช้ได้ แต่ส่วนใหญ่มักจะใช้ฟางข้าวเป็นหลัก แต่ถ้าฟางหมดก็ใช้ใบไม้แห้งแทนถ้าทั้งหมดที่กล่าวมานี้ หายากในพื้นที่หรือไม่ก็มีราคาแพงเราสามารถใช้อย่างอื่นแทนได้ เช่น หญ้าสดตัดมาแบบสด ๆ เลยแล้วเอามาคลุมโคนไว้หรือจะเป็นใบตองสดก็ใช้ได้เหมือนกัน
สำหรับการใช้ฟางคลุมดิน ก็คือ จะแช่ฟางลงไปในน้ำก่อน จนกว่าฟางจะดูดน้ำจนอิ่มตัวแล้วจึงค่อยนำฟางไปคลุมตามโคนต้นไม้ เพราะฟางที่ดูดน้ำจนชุ่มแล้วเมื่อไปวางที่โคนต้นไม้ก็จะทำให้ต้นไม้ได้รับความชุ่มชื้นจากฟางทันทีและในขณะเดียวกันฟางนี้ก็จะช่วยปกป้องความชื้นในดินได้ดีอีกด้วยแต่ถ้าใช้ฟางแห้ง ๆ ไปคลุมโคนเลยแล้วรดน้ำทีหลังจะมีฟางบางจุดที่ไม่โดนน้ำ ฟางที่แห้งนั้นก็จะดูดน้ำจากโคนต้นไม้ขึ้นมาแทนจะทำให้ต้นไม้ยิ่งเหี่ยวเฉาเข้าไปอีก
2 ความเชื่อ
1.กลุ่มคราดโคนนิยม กลุ่มนี้มีความเชื่อว่าการคราดโคนทำให้โคนต้นไม้ผลแห้งเร็วและทำให้ออกดอกเร็วกว่าที่ไม่คราดนอกจากนี้ยังรู้สึกไม่สบายใจที่เห็นว่าปุ๋ยที่หว่านตกค้างอยู่บนใบไม้ใต้โคนต้นไม่ได้สัมผัสดินโดยตรง จึงนิยมคราดโคนเป็นประจำทุกปี ปีใดไม่ได้คราดโคนจะนอนไม่หลับ
2.กลุ่มไม่นิยมคราดโคน กลุ่มนี้เชื่อว่าไม่คราดโคนก็ออกดอกพร้อมกันกับกลุ่มคราดโคนที่เสียเวลา และเปลืองแรงงานมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทางวิชาการ พบว่าการมีเศษซากพืชหรืออินทรีย์วัตถุปกคลุมใต้ทรงพุ่มไม้ผลจะช่วยรักษาระบบนิเวศน์ของสิ่งมีชีวิตในดิน ช่วยการทำงานของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ เพิ่มอินทรีย์วัตถุให้แก่ดิน ทำให้รากพืชแตกขยายขึ้นมาบนพื้นดิน แต่หากคราดโคนเอาอินทรีย์วัตถุเหล่านี้ออกไปจะทำให้ระบบรากเสียหายและลงลึกส่งผลกระทบต่อความสมบูรณ์ของต้นในระยาวได้ สรุปจึงไม่แนะนำให้คราดโคน
ที่มา-สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6