“มะขามเทศเพชรโนนไทย” (Pet Non Thai Manila Tamarind และ/หรือ Ma Kam Thet Pet Non Thai) หมายถึง มะขามเทศพันธุ์ฝักใหญ่ ทรงผล (ฝัก) โค้งเป็นวงกลม หรือโค้งเป็นวงซ้อนกันคล้ายสปริง เมื่อแก่มีลักษณะฝักนูนอวบใหญ่ มีรอยหยักเล็กน้อยตามตำแหน่งที่มีเมล็ด ผิวเปลือกมีสีเขียวปนแดง เนื้อกรอบสีขาวขุ่นปนชมพู หรือสีขาวขุ่นปนแดง รสชาติหวาน มัน ปลูกในพื้นที่อำเภอโนนไทย ของจังหวัดนครราชสีมา ทั้งนี้กรมทรัพย์สินทางปัญญา ประกาศให้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ( GI)”มะขามเทศเพชรโนนไทย” เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2563
การปลูก
(1) ปลูกได้ทั้งที่ลุ่มและที่ดอน สภาพดินปลูกได้ทั้งดินเค็มตั้งแต่ระดับดินเค็มน้อยจนถึงดินเค็มมาก
(2) ปลูกได้ทั้งแบบยกร่อง และแบบไม่ยกร่อง หรือตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่
(3) ฤดูกาลที่เหมาะสมในการปลูก คือ ช่วงต้นฤดูฝน (ช่วงเดือนพฤษภาคม)
(4) ทำการขุดหลุม ขนาด 50 x 50 x 50 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างต้นในช่วง 5 x 5 หรือ 8 x 8 เมตร หรือตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ผสมดินกับปุ๋ยคอกเข้าด้วยกันแล้วนำไปรองก้นหลุม
(5) พันธุ์มะขามเทศเพชรโนนไทย ต้องมาจากต้นพันธุ์ที่มีคุณภาพ และอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา เท่านั้น โดยเป็นกิ่งพันธุ์ที่ดี ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการตอนกิ่ง มีระบบรากที่แข็งแรง มีความสมบูรณ์ปราศจากการทำลายของโรคและแมลง
(6) ทำการวางถุงต้นพันธุ์ลงในหลุม ให้ดินในถุงต่ำกว่าระดับดินปากหลุมเล็กน้อย กรีดถุงแล้วดึงออก อย่าให้ดินแตก และระวังอย่าให้รากขาด
(7) ทำการกลบดินลงในหลุมให้ดินสูงกว่ารอยตอนกิ่ง หรือบริเวณที่ออกราก แล้วกดดินบริเวณโคนต้นให้แน่น ปักไม้หลักและผูกเชือกยึดป้องกันลมโยก รดน้ำให้ชุ่ม และคลุมดินบริเวณโคนต้นเพื่อรักษาความชื้น
(8) หลังการปลูกใหม่ หากฝนไม่ตกควรรดน้ำทุกวัน แล้วค่อย ๆ ทิ้งห่างระยะการให้น้ำนานขึ้นจนกว่าต้นมะขามเทศจะแข็งแรง และควรให้น้ำอย่างเพียงพอต่อความต้องการของต้นมะขามเทศโดยเฉพาะในช่วงที่ต้นมะขามเทศกำลังเจริญเติบโต และช่วงระยะติดผลอ่อนต้องให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ
(9) ควรใส่ปุ๋ยตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ เพื่อการบำรุงต้น บำรุงดอก บำรุงฝัก และปรับปรุงดิน หลังใส่ปุ๋ยควรรดน้ำตามทุกครั้ง
(10) ทำการตัดแต่งกิ่งทุกปี เพื่อรักษาทรงพุ่ม และกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ
การเก็บเกี่ยว
(1) ระยะเวลาที่เหมาะสมในการเก็บเกี่ยวมะขามเทศเพชรโนนไทย คือ ช่วงเดือนธันวาคม -เดือนมีนาคมโดยใช้ไม้สอย หรือใช้มือเก็บ
(2) เมื่อเก็บแล้ว ให้นำมาไว้ในที่ร่ม ทำการตัดแต่งฝักที่เน่าเสีย และมีตำหนิออก แล้วคัดเกรดตามความสมบูรณ์และขนาดของฝักมะขามเทศเพชรโนนไทย ก่อนการจำหน่ายหรือบริโภด
(3) การขนย้ายมะขามเทศเพชรโนนไทย ควรใช้กระดาษรองด้านล่างภาชนะก่อนบรรจุ และควรขนย้ายอย่างระมัดระวัง ป้องกันไม่ให้มะขามเทศเพชรโนนไทยเสียหาย
ลักษณะภูมิประเทศ
จังหวัดนครราชสีมา ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บนที่ราบสูงโคราช โดยอำเภอโนนไทย ตั้งอยู่บริเวณที่สูงทางตอนล่างของจังหวัดนครราชสีมา มีความสูงจากระดับน้ำทะเลในช่วง 200 – 250 เมตร ลักษณะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง หรือลูกคลื่นลอนตื้น โดยมีเนื้อดินชั้นบนเป็นดินร่วนปนทราย หรือ ดินทรายปนดินร่วน ดินชั้นล่างเป็นดินร่วนปนทราย และอาจพบมีศิลาแลงอ่อนในดินชั้นล่าง สภาพดินเก็บความชุ่มชื้นได้น้อย ความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ และเป็นดินเค็มปานกลางถึงเค็มจัด มีความเป็นกรดจัดถึงปานกลาง และมีการระบายน้ำเลว
สภาพภูมิอากาศ
อำเภอโนนไทยมีสภาพอากาศเป็นแบบมรสุม มี 3 ฤดูกาล สภาพอากาศโดยทั่วไปค่อนข้างแห้งแล้ง โดยฤดูฝนอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคม – กลางเดือนตุลาคม ซึ่งได้รับอิทธิพลจากลมมรสมตะวันตกเฉียงใต้ มีปริมาณน้ำฝนมากที่สุดในเดือนกันยายน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 212.9 มิลลิเมตร ฤดูหนาวอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิทายน – กลางเดือนกุมภาพันธ์ ระยะนี้ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นลมหนาวและแห้ง พัดมาจากประเทศจีน เดือนธันวาคมเป็นเดือนที่มีอุณหภมิต่ำสุด คือ ในช่วง 13 – 13.6 องศาเซลเซียส และฤดูร้อนอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม มีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงที่สุดในเดือนเมษายน่ คือ 41.5 องศาเซลเชียส ด้วยสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศดังกล่าวมีความเหมาะสมกับการปลูกมะขามเทศเพชรโนนไทย คือ ดินและน้ำมีความเค็ม ทำให้มะขามเทศซึ่งเป็นพืชทนเค็มจะหลีกเลี่ยงการดูดโซเดียมหรือดูดโซเดียมน้อยลง และดูดธาตุโพแทสเซียมเข้าไปมากขึ้นซึ่งธาตุโพแทสเซียมมีความสำคัญในการช่วยสังเคราะห์น้ำตาล แป้ง และโปรตีน ส่งเสริมการเคลื่อนย้ายของน้ำตาลจากใบไปยังผล ทำให้มะขามเทศซึ่งเป็นพืชที่ทนเค็มหรือพืชที่ปลูกได้ดีในดินเค็ม มีรสชาติที่ดีขึ้น คือ มีรสชาติหวาน มัน กรอบ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างจากการปลูกในพื้นที่อื่น
ประวัติความเป็นมา
ในอดีตอาชีพของเกษตรกรอำเภอโนนไทยจะทำการเกษตรโดยปลูกข้าวและปลูกมันสำปะหลังเพื่อเลี้ยงชีพมาอย่างยาวนาน แต่ด้วยสภาพพื้นที่อำเภอโนนไทยมีความแห้งแล้งสลับกับการเกิดอุทกภัยเป็นบางปี อีกทั้งมีสภาพดินเต็มทำให้ได้ผลผลิตน้อย มีรายได้ต่ำ ประสบปัญหาขาดทุน จึงเริ่มมีการหาพืชชนิดอื่นมาทดแทน โดยในปี พ.ศ. 2537 สำนักงานเกษตรอำเภอโนนไทย มีโครงการปรับโครงสร้างระบบการผลิดทางการเกษตร (คปร.) ได้นำเกษตรกรไปดูงานในพื้นที่จังหวัดสระบุรี และพบว่าพื้นที่ปลูกมะขามเทศของจังหวัดสระบุรี มีสภาพพื้นที่เป็นดินเค็ม จึงเห็นว่ามะขามเทศน่าจะเป็นพืชที่มีความเหมาะสมกับอำเภอโนนไทยเช่นเดียวกัน จึงได้นำมะขามเทศพันธ์พระพุทธบาท มาให้เกษตรกรอำเภอโนนไทยทดลองปลูก และพบว่ามะขามเทศที่นำมาปลูกที่อำเภอโนนไทย มีรสชาติและลักษณะแตกต่างจากเดิม คือ มีรสชาติที่หวาน มัน เนื้อกรอบ ผู้กอวบใหญ่ ซึ่งเป็นคุณลักษณะเด่น อันมีผลมาจากสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์เชิงพื้นที่ที่ต่างกัน จึงได้ตั้งชื่อมะขามเทศใหม่ในชื่อ “มะขามเทศเพชรโนไทย” โดยกลุ่มเกษตรกรได้เริ่มขยายพันธุ์จากต้นพันธุ์เดิมและสำนักงานเกษตรอำเภอโนนไทยได้มีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกเพิ่มเติมจนมีการปลูกแพร่หลายมากยิ่งขึ้น ซึ่ง “มะขามเทศเพชรโนนไทย” เป็นที่นิยมในการบริโภคของตลาดทั้งในจังหวัดนครราชสีมาและตลาดภายนอก มีการจัดงานเทศกาลมะขามเทศเพชรโนนไทยและของดีอำเภอโนนไทย เพื่อเป็นการส่งเสริมการตลาดให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น จึงถือได้ว่า “มะขามเทศเพชรโนนไทย” เป็นพืชที่สร้างชื่อเสียงให้กับอำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา
ขอบเขตพื้นที่การผลิตมะขามเทศเพชรโนนไทย ครอบคลุมพื้นที่อำเภอโนนไทย ของจังหวัดนครราชสีมา