“กระท้อนห่อบางกร่าง” (Kathon-Hor-Bangkrang) หมายถึง กระท้อนพันธุ์พื้นเมืองที่มีการห่อผลก่อนการเก็บเกี่ยว ทำให้ผลมีสีเหลืองนวล ปลูกในเขตพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอบางกรวย อำเภอปากเกร็ด อำเภอบางใหญ่ อำเภอบางบัวทอง และอำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี กรมทรัพย์สินทางปัญญาประกาศให้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ( GI) “กระท้อนห่อบางกร่าง” เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555
กระบวนการผลิต
การปลูก
(1) กระท้อนปลูกได้ทั้งในที่ลุ่มและที่ดอน
(2) กิ่งพันธุ์ที่ใช้ปลูก ได้จากการทาบกิ่ง การติดตา หรือการตอนกิ่ง
(3) ทำการยกร่องขึ้นเพื่อสะดวกในการระบายน้ำ สันร่องมีขนาดกว้างไม่น้อยกว่า 6 เมตร ร่องน้ำกว้างประมาณ 1.5 เมตร ลึก1 เมตร ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 6-8 เมตร หรือตามความเหมาะสมของพื้นที่
( 4 )ขุดหลุมปลูกขนาดไม่ต่ำกว่า 50 x 50 x 50 เชนติเมตร (กว้าง x ยาว x ลึก) หรือตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่
(5) ผสมดินที่ขุดขึ้นมากับปุ๋ยคอก รองก้นหลุมด้วยหินฟอสเฟต ประมาณ 1 กิโลกรัมต่อหลุม กลบดินผสมลงในหลุมให้สูงกว่าระดับปากหลุมเล็กน้อย
(6 ) วางต้นพันธุ์กระท้อน ปลูกลงกลางหลุมกดดินให้แน่น ใช้ไม้หลักปักยึดลำต้นกันลมพัดโยก รดน้ำให้ชุ่ม ถ้ามีแดดจัดควรมีการพลางแดด จะทำให้กระท้อนตั้งตัวเร็วขึ้น
การดูแลรักษา
(1)การให้น้ำอย่างสม่ำเสมอในช่วงแรกและห่างขึ้นเมื่อโต ในช่วงเริ่มออกช่อดอกและติดผลต้องให้น้ำอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ช่อดอกสมบูรณ์ เจริญเติบโตสม่ำเสมอและลดปัญหาผลแตก
(2)การตัดแต่งกิ่ง 1 ครั้ง หลังจากการเก็บเกี่ยว โดยกิ่งที่แน่นทึบ กิ่งแห้ง กิ่งเป็นโรคหรือถูกแมลงทำลายและกิ่งกระโดงออก
(3) การกำจัดวัชพืช ประมาณ 2 ครั้งต่อปี นับตั้งแต่เก็บเกี่ยวผลผลิต จนหมดฤดูฝน และช่วงก่อนออกดอก
(4)การห่อผล จะเริ่มเมื่อผลเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีกระดังงาประมาณช่วงต้นเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคมโดยใช้ใบตองแห้งหรือกระดาษ เพื่อป้องกันหนอนแมลงวันเจาะผล และทำให้ผลมีสีเหลืองนวลสวย
การเก็บเกี่ยว
(1) ในช่วงระหว่างเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนมิถุนายน
(2) วิธีการเก็บ ด้วยมือหรือใช้ไม้ง่ามสอย บรรจุในภาชนะที่รองด้วยใบตอง
(3) โดยการนับอายุผล
- พันธุ์เบา จะมีอายุตั้งแต่ดอกบานถึงเก็บเกี่ยว ประมาณ 130-150 วัน
- พันธุ์หนัก ประมาณ 170-180 วัน
(4) โดยการสังเกต หรือโดยการสุ่มตัวอย่าง
-การเปลี่ยนแปลงภายในผล ได้แก่ เนื้อนุ่มขึ้น ความฝาดลดลง
-การเปลี่ยนแปลงภายนอกผล ได้แก่ ผลเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีน้ำตาลจนถึงก้นผล
ลักษณะภูมิประเทศ
จังหวัดนนทบุรี เป็นที่ราบลุ่มดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเจ้าพระยาใกล้กับทะเลมีน้ำท่วมถึง ลักษณะดินเป็นดินตะกอนที่เกิดจากการพัดพาของน้ำ และตกตะกอนทับถมกันเป็นเวลานานจนเป็นดินเหนียวเนื้อละเอียด ชั้นบนเป็นดินร่วนซุย มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุตามธรรมชาติ ทำให้เหมาะต่อการทำสวนผลไม้ สภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้นได้รับอิทธิพลลมใต้ระหว่างเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ทำให้เกิดฝนตก ปริมาณน้ำฝนมาก และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างพฤศจิกายน-มีนาคม นำความหนาวเย็นและความแห้งแล้ง อากาศมีลักษณะค่อนข้างสม่ำเสมอตลอดพื้นที่ มีความชื้นสัมพัทธ์ระหว่างร้อยละ 53-81 สภาพของพื้นที่เหมาะสม ทำให้การปลูกกระท้อนได้ผลผลิตที่ดี
ประวัติความเป็นมา
รัชกาลที่ 5 (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ได้เสด็จพระราชดำเนินไปตามคลองอ้อม คลองบางใหญ่และคลอง กอกน้อย และได้เสด็จไปยังสวนนายบุตร ทองแย้ม หมู่ 6 ตำบลบางกร่าง อำเภอเมือง ซึ่งเป็นผู้ปลูกกระท้อนโดยการห่อผลเพื่อป้องกันหนอนแมลงวันผลไม้เจาะผลและช่วยทำให้เปลือกนุ่มขึ้น นายบุตรได้นำกระท้อนห่อที่ตนปลูกมาถวาย ซึ่งได้รับคำชมว่า กระท้อนห่อ มีรสชาติดี “กระท้อนห่อบางกร่าง” จึงมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เดิมพื้นที่ปลูกกระท้อนเฉพาะบริเวณหมู่ 6 และหมู่ 7 ตำบลบางกร่าง เป็นที่ลุ่มริมคลองบางกอกน้อยต่อมาประมาณพ.ศ.2506 นายอเนก เขียวน้อย ได้นำพันธุ์กระท้อนห่อบางกร่างมาปลูกที่หมู่ 5 ซึ่งเป็นพื้นที่ทำนา โดยการขุดร่องให้กว้างและลึก เพื่อปรับสภาพพื้นที่ให้เหมาะสมแก่การปลูกกระท้อนในที่ดอน ระยะหลังจึงได้มีการขยายพื้นที่การปลูกกระท้อนห่อบางกร่างไปทั่วทุกอำเภอในจังหวัดนนทบุรี เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ลุ่มริมแม่น้ำเจ้าพระยา และมีคูคลองมากมาย ซึ่งเหมาะสมแก่การปลูกกระท้อนห่อบางกร่าง กลุ่มเกษตรกรทำสวนตำบลบางกร่าง ได้ร่วมกันจัดงานกระท้อนห่อบางกร่าง และมีการจัดงานกันมาทุกปี ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน-ต้นเดือนกรกฎาคม เพื่อประชาสัมพันธ์ กระท้อนห่อบางกร่าง ของจังหวัดนนทบุรี ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายโดยทั่วไป
ทั้งนี้พื้นที่การปลูกกระท้อนห่อบางกร่าง อยู่ในเขตพื้นที่ครอบคลุมทั้งหมดของ 6 อำเภอ ในจังหวัดนทบุรี ได้แก่อำเภอเมือง อำเภอบางกรวย อำเภอบางใหญ่ อำเภอปากเกร็ด อำเภอบางบัวทอง และอำเภอไทรน้อย