“กล้วยตากบางกระทุ่ม พิษณุโลก” “(Bangkrathum Phitsanulok Dried Banana) หมายถึง กล้วยตาก ที่มีเนื้อแห้งเนียนละเอียด เหนียวนุ่ม ไม่มีเม็ด รสชาติหวานเป็นธรรมชาติ ผลิตจากกล้วยน้ำว้าพันธุ์มะลิอ่อง พันธุ์นวลจันทร์ พันธุ์ปากช่อง 50 หรือพันธุ์พื้นเมือง ในพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก และตำบลท่าฬ่อ อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร
การปลูก
(1) คัดเลือกพันธุ์กล้วย ได้แก่ กล้วยน้ำว้าพันธุ์มะลิอ่อง พันธุ์นวลจันทร์ พันธุ์ปากช่อง 50 หรือพันธุ์พื้นเมืองที่มีลักษณะผลโต ไส้ขาว และไม่มีเมล็ด
2) ใช้หน่อเหง้า ปลูกในดินร่วน ขนาดหลุม 30 เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างหลุมปลูก 4 X 4 เมตรหรือตามความเหมาะสมของพื้นที่
การแปรรูป
(1) ตัดเครือกล้วยเมื่อกล้วยออกปลีได้ในช่วง 100 – 120 วัน หรือตัดเมื่อเห็นผลของหวีสุดท้ายที่เรียกว่า “หวีตีนเต่า” มีขนาดโต แล้วตัดแบ่งกล้วยเป็นหวี บ่มให้สุกโดยเรียงกล้วยทับกัน 3 – 5 ชั้น คลุมด้วยผ้าพลาสติกไว้ 24 ชั่วโมง แล้วเปิดผ้าออกทิ้งไว้ 4 -6 วัน
(2) เมื่อกล้วยสุกได้ที่ นำมาปลอกเปลือก ลอกเส้นใยออกให้หมด ใช้มีดตัดปลายกล้วยเล็กน้อยเพื่อไม่ให้กล้วยดำ แล้วเรียงบนตะแกรง ตากในโดมพาราโบลา หรือในที่ที่สามารถกันฝุ่นและแมลงได้
(3) ในตอนเย็นเก็บรวบรวมกล้วยที่ตากไว้ด้วยกัน รุ่งเช้าจึงนำไปตากใหม่ ทำซ้ำ 4 – 6 วันตามฤดูกาล จะได้กล้วยตากที่มีรูปทรงแบบกลม แล้วจึงนำไปบรรจุหีบห่อ
4) กล้วยตากแบบแบน หลังจากตากได้ 4 วัน ใช้เครื่องแบนกล้วย จากนั้นนำไปตากต่ออีก 2 วัน แล้วจึงนำไปบรรจุหีบห่อ
5) กล่้วยตากแบบแผ่น หลังจากตากได้ 1 วัน กดกล้วยตากให้แบนเรียบบนแผ่นพลาสติกใสแล้วตากต่อไปอีก 1 วัน จากนั้นลอกแผ่นพลาสติกใสออก แล้วนำไปอบที่อุณหภูมิ 40 – 50 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20 นาที แล้วจึงนำไปบรรจุหีบห่อ
ลักษณะภูมิประเทศ
จังหวัดพิษณุโลก และตำบลท่าพ่อ อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร มีลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศที่คล้ายคลึงกัน โดยทางตอนเหนือและตอนกลางมีลักษณะภูมิประเทศเป็นเขตที่ราบสูง ด้านตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นที่ราบหุบเขานครไทยและหุบเขาชาติตระการ โดยหุบเขานครไทยมีดินตะกอนที่อุดมสมบูรณ์ที่มีลักษณะเป็นแบบคุ้งกระทะ ส่วนหุบเขาชาติตระการมีรูปร่างคล้ายพระจันทร์เสี้ยวมีดินตะกอนที่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่ตอนกลางทางใต้เป็นที่ราบและตอนใต้เป็นที่ราบลุ่มมีลักษณะภูมิอากาศที่ได้รับพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์มากกว่าบริเวณอื่นๆ อีกทั้งยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมุรสมที่พัดผ่านจากมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้มีอากาศร้อน เหมาะแก่การเจริญเติบโตของกล้วย ทำให้กล้วยที่ปลูกในบริเวณนี้เจริญเติบโตได้ดี
ประวัติความเป็นมา ในปี พ.ศ. 2475 มีชาวบ้านอพยพมาอยู่ที่อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลกโดยได้นำหน่อกล้วยน้ำว้า “พันธ์ุมะลิอ่อง” มาปลูกในพื้นที่นี้และขยายพันธุ์จนเต็มพื้นที่ประมาณหลายร้อยไร่เพื่อทำการจำหน่าย แต่พบว่ามีกล้วยปลายเครือหรือที่เรียกว่า “กล้วยตีนเต่า”เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นกล้วยที่ขายไม่ได้ และทำให้เกิดปัญหากล้วยเน่าเสีย จึงเกิดความคิดที่จะนำกล้วยไปตากแดดเพื่อเป็นการถนอมอาหารเหมือนการทำผักกาดเค็ม โดยไม่ใช้ส่วนผสมใดๆ ในการเพิ่มรสชาติ จนได้“กล้วยตากบางกระทุ่ม พิษณุโลก” “ที่คนต่างชื่นชอบในรสชาติ จนกลายเป็นสินค้ามีชื่อของจังหวัดพิษณุโลกเป็นที่รู้จักแพร่หลายของคนทั้งประเทศ
ในปัจจุบัน จังหวัดพิษณุโลกได้มีการจัดงานเกี่ยวกับกล้วยตากบางกระทุ่ม พิษณุโลก เป็นประจำต่อเนื่องในทุกๆ ปี เช่น งานวันของดีเมืองกล้วยตาก การจัดแสดงสินค้านานาบานาน่า เป็นต้น
ทั้งนี้ขอบเขตพื้นที่การปลูกและผลิตกล้วยตากบางกระทุ่ม พิษณุโลก ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก และตำบลท่าฬ่อ อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร