“มะม่วงมันหนองแซงสระบุรี “(Saraburi Man Nong Saeng Mango) หมายถึง มะม่วงพันธุ์มันหนองแซง ที่มีผลทรงรีปลายมน แก้มผลอวบ ผิวเปลือกสีเขียวนวล มีลายเส้นเล็กละเอียดกระจายทั่วผล นิยมบริโภคดิบโดยเมื่อแก่จัดจะมีรสมัน หวาน กรอบ ไม่มีรสเปรี้ยว ปลูกและผลิตครอบคลุมพื้นที่ 6 อำเภอของจังหวัดสระบุรี ได้แก่ อำเภอหนองแซง อำเภอเมืองสระบุรี อำเภอแก่งคอย อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอเสาให้และอำเภอหนองแค กรมทรัพย์สินทางปัญญา ประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) “มะม่วงมันหนองแซงสระบุรี ” เมื่อ 9 กันยายน 2563 โดยผู้ขอยื่นจดทะเบียน ได้แก่ จังหวัดสระบุรี
ลักษณะภูมิประเทศ
จังหวัดสระบุรี ตั้งอยู่ที่ละติจุด 14 องศา 31 ลิปดา 43 ฟิลิปดาเหนือ และลองจิจุดที่ 100 องศา 54 ลิปดา 35 ฟิลิปดาตะวันออก มีลักษณะภูมิประเทศด้านทิศเหนือและตะวันออกเป็นเนินเขาสลับที่ราบสูง ด้านตอนใต้ ตอนกลาง และตะวันตก เป็นที่ราบลุ่ม สภาพดินเป็นดินเหนียวที่มีการระบายน้ำดีมีรอยแตกที่ผิวหน้าดิน มีความร่วนซุยที่เหมาะสมต่อการชอนไชของรากพืชในการดูดน้ำและธาตุอาหาร มีช่องว่างที่เกิดจากก้อนกรวดในดินทำให้มีพื้นที่ในการสะสมออกชิเจนบริเวณราก จึงทำให้สามารถปลูกพืชไร่และไม้ผลได้ดี ชุดดินเป็นชุดดินท่าเรือที่มีธาตุอาหารที่จำเป็นสำหรับมะม่วง คือ มีโพแทสเซียมสูง ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของราก ทำให้รากดูดน้ำและธาตุอาหารได้ดีขึ้น และมีความจำเป็นต่อการสร้างเนื้อผลไม้ การสร้างแป้งของผล นอกจากนั้นยังพบว่ามีธาตุอาหารรอง และธาตุอาหารเสริม เช่น เหล็ก แมงกานีส และกำมะถัน เป็นต้น ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งธาตุอาหารเหล่านี้ส่งผลต่อความหวานมันซึ่งเป็นลักษณะเด่นของ “มะม่วงมันหนองแชงสระบุรี”
ลักษณะภูมิอากาศ
จังหวัดสระบุรีเป็นจังหวัดในภาคกลางที่อยู่ลึกเข้ามาในแผ่นดิน จึงทำให้อากาศร้อนอบอ้าวในฤดูร้อน ส่วนในฤดูหนาวไม่หนาวจัด โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 27 – 29 องศาเซลเซียส เดือนเมษายนเป็นเดือนที่มีอากาศร้อนจัดที่สุดในรอบปี ส่วนฤดูหนาวอากาศจะหนาวที่สุดในเดือนมกราคม ด้วยความสัมพันธ์นี้ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของ “มะม่วงมันหนองแชงสระบุรี” ในมิติของการจัดการใบ การจัดการดอก และการดูแลหลังการติดผล ทั้งยังตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ 3 ลุ่มน้ำ คือ ลุ่มน้ำป่าสัก ลุ่มน้ำเจ้าพระยา และลุ่มน้ำบางปะกง ทำให้มีแหล่งน้ำจำนวนมากประกอบกับปริมาณน้ำฝนที่เหมาะสม ทำให้พื้นที่การเกษตรมีปริมาณน้ำเพียงพอต่อการเพาะปลูก ทำให้มะม่วงมีการติดผลได้ดี และมีผลผลิตที่ได้คุณภาพ รสชาติเป็นที่นิยมของผู้บริโภคโดยทั่วไป
ประวัติความเป็นมา
“มะม่วงมันหนองแซงสระบุรี” มีประวัติเล่าสืบต่อมาตั้งแต่สมัยโบราณ คือ เมื่อเกือบร้อยปีที่ผ่านมาแล้วพ่อเฒ่าทิม คนบ้านหนองน้ำสร้าง ได้ไปเยี่ยมญาติซึ่งบวชเป็นพระอยู่ในกรุงเทพฯและพักอยู่กับพระหลายวันได้รับประทานมะม่วงอร่อยจึงเก็บเมล็ดไว้ เมื่อกลับบ้านได้เอาเมล็ดมะม่วง 3 เมล็ด มาให้ แม่เฒ่าคำ ปลูกไว้ข้างยุ้งข้าวที่บ้านหนองน้ำสร้าง โดยไม่รู้ว่าเป็นเมล็ดมะม่วงอะไร พอมะม่วงโตมีลูกออกมาในระยะใกล้เคียงกัน ทั้ง 3 ต้น ก็ปรากฏว่าต้นหนึ่งผลโตมาก คือ “มะม่วงหัวช้าง” อีกต้นหนึ่งผลใหญ่เวลาสุกผิวส่วนหัวสีแดงจัดเรียก “ตลับนาค” สำหรับต้นที่เหลือเวลารับประทานเข้าไปแล้ว รสชาติผิดแปลกไปจากมะม่วงต้นอื่นๆ ไม่ว่าจะรับประทานตอนไหนก็จะไม่มีรสเปรี้ยว เจ้าของเลยตั้งชื่อว่า “มะม่วงมัน” จากนั้นเพื่อนบ้านก็ขอพันธุ์ไปปลูกแพร่หลายขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ
แต่เดิมชาวบ้านอำเภอหนองแซงปลูกมะม่วงกันทุกครัวเรือน บ้างก็ปลูกเป็นอาชีพ บ้างปลูกตามหัวไร่ปลายนา เมื่อถึงฤดูกาลมะม่วง จะนำมะม่วงไปวางจำหน่ายบริเวณสถานีรถไฟอำเภอหนองแซง ผู้คนที่รู้จักในชื่อเสียงของมะม่วงมันนี้จะไปรอซื้อและนำไปจำหน่ายต่อ จึงเป็นจุดกำเนิดของ มะม่วงพันธุ์มันหนองแซง และนำมาตั้งเป็นคำขวัญของอำเภอว่า “มะม่วงต้นตำรับ เครื่องประดับโบราณ ชลประทานหลากหลาย ทางรถไฟสู่อีสาน ศูนย์ตำนานวัฒนธรรม”
ด้วยความโดดเด่นและรสชาติที่แตกต่าง เพราะเป็นมะม่วงที่มีความมันจัด หวาน กรอบ เมื่อผลโตขนาดเท่าหัวนิ้วโป้งจะเริ่มมีรสชาติมัน แต่มะม่วงมันอื่น ๆ ส่วนมากจะรสชาติมันเฉพาะตอนแก่จัด ความมีชื่อเสียงของ “มะม่วงมันหนองแซงสระบุรี” โด่งดังดังเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศมายาวนาน จังหวัดสระบุรี จึงมีการจัดงานเทศกาลประจำปี “งานเทศกาลมะม่วงมันหนองแซง” เพื่อเป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์การปลูกมะม่วงพันธุ์มันหนองแซง มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 และยังคงมีการจัดมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความมีชื่อเสียงผ่านสื่อต่างๆ เพื่อให้ “มะม่วงมันหนองแซงสระบุรี” ยังคงความมีคุณภาพและชื่อเสียงต่อไป