“น้อยหน่าปากช่องเขาใหญ่” (Pakchong Khaoyai Sugar Apple หรือ Noi-nha Pakchong Khaoyai) หมายถึง น้อยหน่าจำนวน 3 สายพันธุ์ ได้แก่ น้อยหน่าหนัง น้อยหน่าฝ้าย และน้อยหน่าลูกผสม ที่มีรสชาติหวานหรือหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย กลิ่นหอมละมุน เมล็ดเล็ก ปลูกและผลิตในพื้นที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรมทรัพย์สินทางปัญญาประกาศให้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) “น้อยหน่าปากช่องเขาใหญ่” เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2563 โดยผู้ขอยื่นจดทะเบียน ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา
ลักษณะภูมิประเทศ
อำเภอปากช่อง ตั้งอยู่ที่ละติจูด 14 องศา 42 ลิปดา 29 ฟิลิปดาองศาเหนือ ลองจิจูด 101 องศา 24 ลิปดา 58 ฟิลิปดาตะวันออก มีลักษณะภูมิประเทศเป็นแอ่งกระทะ มีเทือกเขาดงพญาเย็นและภูเขาน้อยใหญ่ล้อมรอบ มีความอุดมสมบูรณ์สูง จนได้รับการประกาศให้เป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติจากองค์การยูเนสโก ลักษณะของดินเป็นชุดดินปากช่อง เกิดจากการผุพังสลายตัวของเศษหินเชิงเขาของหินดินดานที่แทรกกับหินปูนในสภาพภูมิประเทศแบบคาสต์ ดินบนเป็นดินเหนียวหรือดินเหนียวปนทรายสีน้ำตาลปนแดงเข้ม ดินล่างเป็นดินเหนียวสีน้ำตาลปนแดงเข้ม การระบายน้ำดี ทำให้ดินไม่แฉะหรือน้ำขัง แต่ยังคงดูดซับน้ำไว้ได้ได้ในปริมาณที่เป็นประโยชน์กับพืช ปฏิกิริยาดินเป็นกรดปานกลางถึงเป็นกลาง (pH 6.0 – 7.0) และมีธาตุเหล็กและแมงกานีสสะสมในดินล่างซึ่งธาตุเหล็กและแมงกานีสเป็นองค์ประกอบทำให้พื้นพื้นที่ของอำเภอปากช่องปลูกน้อยหน่าได้คุณภาพแตกต่างจากพื้นที่อื่น เนื่องจากธาตุเหล็กและแมงกานีสมีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับระบบเอนไซม์ต่าง ๆ โดยช่วยในการสังเคราะห์แสงและสร้างคลอโรฟิลล์ ผลิตฮอร์โมนและสังเคราะห์คาร์โบไฮเดรต ทำให้กระบวนการในพืชน้อยหน่าสมดุลมากขึ้น ส่งผลต่อคุณภาพของต้น ผล รวมไปถึงรสชาติของน้อยหน่า นอกจากนี้ธาตุเหล็กและแมงกานีสยังส่งผลทำให้น้อยหน้าไม่อ่อนแอต่อโรค เช่น โรครากเน่า เป็นต้น และต้านการเหลืองป้องกันไม่ให้ใบร่วงก่อนเวลา ทำให้ต้นน้อยหน่าแข็งแรงขึ้นเพื่อพร้อมออกดอกและติดผล
ภูมิอากาศ
อำเภอปากช่องจัดอยู่ในพื้นที่ประเภททุ่งหญ้าเขตร้อน แบ่งเป็น 3 ฤดูกาล ดังนี้ ฤดูหนาวเริ่มกลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ มีอากาศหนาวเย็นและแห้ง ฤดูร้อน เริ่มกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม มีอากาศร้อนอบอ้าว และฤดูฝน เริ่มกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม อากาศจะมีความชุ่มขึ้นมากและมีฝนตกชุกมาก
สภาพโดยทั่วไปในเวลากลางวันอากาศมีลมพัดโชยทำให้ไม่ร้อนจัด ในเวลากลางคืนอากาศเย็นและมีความชื้นสูง ด้วยลักษณะเฉพาะของลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศของอำเภอปากช่องจึงทำให้น้อยหน่าปากช่องเขาใหญ่ มีรสชาติหวานหรือหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ผลใหญ่ ไม่แตก และไม่อ่อนแอต่อโรค
ประวัติความเป็นมา
ในอดีตอำเภอปากช่องเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในหุบเขาของเขาดงพญาไฟ มีเส้นทางคมนาคมเพียงการเดินและขี่ม้า จนเมื่อปี พ.ศ. 2434 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง ทางรถไฟจากกรุงสยาม ไปยังหัวเมืองโคราชซึ่งจำเป็นต้องระเบิดภูเขาเพื่อวางรางรถไฟ ยาวเป็นช่องทาง จึงเรียกว่า “บ้านปากช่อง” และได้รับการยกฐานะเรื่อยมาจนเป็นอำเภอปากช่องเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2500
ประกอบกับด้วยสภาพพื้นที่ในแถบนี้เป็นผืนบำอุดมสมบูรณ์และกว้างใหญ่ ในห้วงปีดังกล่าวจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี จึงให้ตั้งวนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ต่อมาเมื่อ 18 กันยายน พ.ศ. 2505 ยกฐานะเป็น “อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” และได้ขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลกในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2543
น้อยหน่าเป็นไม้ผลประจำถิ่นในแถบทวีปอเมริกากลาง สันนิษฐานว่าน้อยหน่าเข้ามาเมืองไทยเป็นครั้งแรกช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยา ราวปี พ.ศ. 2060 โดยชาวโปรตุเกสเป็นผู้นำพันธุ์เข้ามาปลูกครั้งแรกแถบอยุธยาและลพบุรี แต่บางกระแสเชื่อว่าชาวอังกฤษเป็นผู้นำน้อยหน่ามามาจากอินเดียเข้ามาปลูกในไทย ราวปี พ.ศ. 2155 ในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี นครปฐม เรื่อยไปจนถึงอยุธยาและลพบุรี เนื่องจากจังหวัดลพบุรีเคยมีน้อยหน่าท้องถิ่นสายพันธุ์หนึ่ง เรียกว่า “น้อยหน่าพระที่นั่งเย็น” หรือ “น้อยหน่าพระนารายณ์” น้อยหน่าเหล่านี้คือน้อยหน่าพื้นเมืองหรือน้อยหน่าฝ้ายในปัจจุบัน
สำหรับน้อยหน่าหนังเข้าสู่ประเทศไทยใน พ.ศ. 2475 โดย ภคินีกาซาบีแห่งพระอารามแม่พระจังหวัดอุบลราชธานี ได้นำเมล็ดน้อยหน่ามาจากไซ่ง่อน ประเทศเวียดนาม มาปลูกและขยายพันธุ์ คือน้อยหน่าหนังเขียว เนื่องจากการปลูกมีการขยายพันธุ์โดยใช้การเพาะเมล็ด ในปี พ.ศ. 2504 พบว่าบางต้นมีผลและมีใบสีทองจึงเรียกว่า น้อยหน่าหนังสีทอง
น้อยหน่าปากช่องเขาใหญ่ เริ่มแรกมีการนำต้นพันธุ์น้อยหน่ามาจากจังหวัดจันทบุรีมาปลูกตั้งแต่เมื่อ70 – 80 ปีที่ผ่านมา โดยเกษตรกรชาวตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง เป็นการปลูกทั่วไปในพื้นที่หัวไร่ปลายนาเพื่อรับประทาน ปรากฏว่ามีการเจริญเติบโตดี ผลผลิตมีรสชาติหอมหวาน จึงได้ขยายพื้นที่ปลูกมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้”น้อยหน่าปากช่องเขาใหญ่”มีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่ว โดยการปลูกนั้นมีการขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด ทำให้เกิดการกลายพันธุ์จากลูกสีเขียวที่ปลูกเริ่มแรกกลายเป็นลูกสีเหลืองและสีม่วง ทำให้น้อยหน่ามีหลากหลายพันธุ์ ซึ่งมีลักษณะเนื้อเหนียวคือ น้อยหน่าหนัง และลักษณะเนื้อร่วนคือ น้อยหน่าฝ้าย
ต่อมาในปี พ.ศ. 2501 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้ก่อตั้งสถานีวิจัยปากช่อง เพื่อเป็นแหล่งฝึกงานนิสิตเกษตรและทำการวิจัยไม้ผลเขตร้อนและไม้ผลกึ่งร้อน ภาควิชาพืชสวน สถานีวิจัยปากช่องจึงได้พัฒนาสายพันธุ์น้อยหน่าพันธุ์ผสมโดยได้ปรับปรุงพันธ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาดและผู้บริโภค ได้แก่ พันธุ์เพชรปากช่อง ปากช่อง 46 และฝ้ายเขียวเกษตร 2 และได้ถ่ายทอดองค์ความรู้นี้แก่เกษตรกรชาวสวนกลางดง ปัจจุบันน้อยหน่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอำเภอปากช่องเป็นลำดับต้น ๆ เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากากาศ และดินที่เหมาะสมส่งผลให้ผลผลิตน้อยหน่าปากช่องเขาใหญ่ มีลักษณะ ผลใหญ่ รสชาติหวาน เมล็ดเล็ก เป็นที่นิยมและต้องการของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ
อำเภอปากช่อง เล็งเห็นความสำคัญของของ “น้อยหน่าปากช่องเขาใหญ่ “จึงได้จัดงาน “น้อยหน่าและของดีเมืองปากช่อง” เป็นประจำทุกปี ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน -กรกฎาคม ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2527 เป็นต้นมาเพื่อเป็นการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์สินค้าเกษตรและของดีอำเภอปากช่องให้เป็นที่รู้จัก โดยในงานจะมีการประกวดผลไม้ขึ้นชื่อของอำเภอปากช่อง เช่นน้อยหน่าสายพันธุ์ต่าง ๆ ทุเรียนพันธุ์ต่าง ๆ การแสดงและจำหน่ายสินค้าของดีอำเภอปากช่อง เป็นต้น