“สับปะรดศรีราชา” ( Sriracha Pineapple ) หมายถึง สับปะรดพันธุ์ปัตตาเวีย ซึ่งปลูกใน 8 อำเภอของจังหวัดชลบุรี คือ อำเภอศรีราชา อำเภอบางละมุง อำเภอบ่อทอง อำเภอหนองใหญ่ อำเภอบ้านบึง อำเภอสัตหีบ อำเภอพนัสนิคม และ กิ่งอำเภอเกาะจันทร์ กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้ประกาศให้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) “สับปะรดศรีราชา” เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2548
ลักษณะภูมิประเทศ
โดยทั่วไปมีทั้งพื้นที่ลาดเนินเขามีภูเขาเล็กๆกระจายทั่วไป พื้นที่ราบลุ่ม และที่ราบชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกของอ่าวไทย เป็นพื้นที่เหมาะแก่เกษตร และอุตสาหกรรม ไม่มีแม่น้ำ ลำ ลำคลอง ขนาดใหญ่ไหลผ่าน มีทางน้ำไหลจากภูเขาลงสู่ทะเล ดินเป็นชนิดดินร่วนปนทราย ร่วนเหนียวปนทราย ดินร่วนเหนียวปนกรวดหรือลูกรัง การระบายน้ำดี มีค่าความเป็นกรดเป็นด่างประมาณ 4.5 – 6.0 และเนื่องจากมีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเล จึงได้รับลมทะเลสม่ำเสมอ มีลมมรสุมเขตร้อนที่ได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงได้ ทำให้มีฤดูฝนที่ฝนตกชุกในช่วงเดือนสิงหาคม – ตุลาคม
ฤดูหนาว อากาศไม่แล้งมาก ฤดูร้อนไม่ร้อนจัด จากสภาพดังกล่าว มีความเหมาะสมในการปลูกสับปะรด และทำให้สับปะรดที่ได้มีรสชาติหวาน มีน้ำมาก กลิ่นหอม เป็นสับปะรดฉ่ำหรือสับปะรดแปะ โดยฟังเสียงจาการใช้นิ้วดีดหรือใช้ไม่ได้เดาะ จึงเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคในนาม“สับปะรดศรีราชา”
ประวัติความเป็นมา ตั้งแต่ตอนปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ประมาณ 60 ปีมาแล้ว ทางการประกาศปิดโรงเรียนโดยไม่มีกำหนด อธิการคนแรกของโรงเรียนอัสสัมชัมชัญศรีราชา คือ เจษฏาธิการเทโอฟาน ( ชิน บุณยานันทน์) ได้พาเด็กในอุปการะมาอยู่ที่ศรีราชา และคิดทำประโยชน์จากที่ดินรกร้างของโรงเรียน สมัยนั้นเรียกว่า ” ไร่ตะไคร้ ” จึงนำสับปะรดพันธุ์ปัตตาเวียมาจากภาคใต้มาปลูกจนแพร่หลายและโด่งดังทั่วประเทศ เนื่องจากมีผลโตกว่าสับปะรดพื้นบ้าน 4- 5 เท่า เวลาแก่จัด รสหวานฉ่ำ ได้รับความนิยมมาก ชั่งขายตามน้ำหนัก กิโลกรัมละ 2 บาท ซึ่งนับว่าแพงมากสำหรับสมัยนั้น บางลูกหนักถึง 5 กิโลกรัม แต่ละลูกมีการประทับตรา AC ซึ่งเป็นอักษรย่อของ โรงเรียนอัลสัมชัญศรีราชาไว้ที่ขั้วสับปะรด จึงเรียกว่าสับปะรด เอ ซี
ในปี 2500 โรงเรียนอัชสัมชัญศรีราชาเลิกปลูก เกษตรกรในอำเภอศรีราชาได้ซื้อหน่อและเก็บขยายพันธุ์ได้มาปลูกและขยายพันธุ์เรื่อยมา จนสับปะรดล้นตลาด ราคาถูก ในปี พ.ศ.2508 มีโรงงานแปรรูปสับปะรดศรีราชาเกิดขึ้นในจังหวัดชลบุรี ชื่อ โรงงานอาหารสยาม และมีการส่งเสริมชาวไร่ปลูกสับปะรดเพื่อการแปรรูปมากขึ้น