“ปลาไหล” เป็นปลาน้ำจืดที่สามารถพบเจอได้ตามทุ่งนารวมทั้งในแอ่งน้ำจืดต่างๆ แต่ที่นิยมนำมาบริโภคกันนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นปลาไหลนา เพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าปลาไหลที่ได้จากธรรมชาติในท้องนานั้นจะเป็นปลาไหลเนื้อดีเพราะกินอาหารสัตว์เล็กตามไร่นา และเมื่อมีการบริโภคปลาไหลกันมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ จึงทำให้มีการเลี้ยงปลาไหลเพื่อขายกันมากขึ้น แต่ถึงอย่างไรแล้วปลาไหลนาจากธรรมชาติก็ยังมีราคาสูงกว่าปลาไหลที่เลี้ยงตามบ่อ โดยมีราคากิโลกรัมละ 100-250 บาท ทำให้เกษตรกรบางกลุ่มนิยมจับปลาไหลมาขายมากกว่าจะเลี้ยงเป็นบ่อ
ปลาไหล เป็นปลาน้ำจืดซึ่งสามารถพบได้ในประเทศที่มีอากาศอบอุ่นมีลักษณะตัวเรียวยาวคล้ายงู ตาเล็ก รูจมูกและปลาเล็ก ตัวผู้จะตัวใหญ่กว่าตัวเมีย ปลาไหลนั้นจะอาศัยอยู่ตามโคลนที่มีน้ำและในแอ่งน้ำจืดจะชอบกินสัตว์ที่เล็กกว่า เช่น พวกไส้เดือน หรือแมลงรวมทั้งปลาขนาดเล็ก และยังกินซากสัตว์ชนิดอื่นอีกด้วย ลำตัวมีสีเหลืองปนทองเล็กน้อยมีมากในท้องนาและน้ำจืด
การเพาะเลี้ยงปลาไหลก็ทำไม่ยาก โดยให้ขุดเตรียมบ่อไว้ มีความสูงราวๆ 1 เมตรและให้มีขนาดบ่อ 2×2 เมตรโดยประมาณ เพื่อสามารถเลี้ยงปลาไหลได้อย่างเพียงพอ จากนั้นก็เทดินเหนียวโดยมีความสูงประมาณ 20 เซนติเมตรให้เหมือนตามไร่นา และใส่ท่อ PVC เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยของปลาไหล จากนั้นก็ปล่อยน้ำให้มีความสูงระดับเหนือดิน 20 เซนติเมตร เมื่อเตรียมบ่อเสร็จแล้วก็ให้ทำการเลือกพันธุ์ปลา โดยนำปลามาเลี้ยงในบ่อ ให้ปล่อยตัวผู้ 1ตัว ต่อตัวเมีย 3 ตัว โดยตัวผู้ต้องมีน้ำหนัก 300 กรัมหรือความยาว 50 เซนติเมตรขึ้นไปเพื่อให้มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์พร้อมเป็นพ่อพันธุ์ ส่วนตัวเมียนั้นให้เลือกตัวที่มีขนาดน้ำหนัก 150 กรัม หรือ ความยาวตั้งแต่ 30 เซนติเมตรขึ้นไปเพื่อเหมาะแก่การเป็นแม่พันธุ์
จากนั้นก็นำพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ที่คัดแล้วมาปล่อยลงบ่อและให้อาหารเป็นไส้เดือน หรือ ปลาเล็กทุกวันวันละ 1 ครั้ง ในเวลาตอนเย็น โดยการให้อาหารนั้นต้องให้ในปริมาณร้อยละ 2 ของน้ำหนักปลาไหลทั้งหมด เพื่อให้อาหารได้ทั่วถึง การเพาะเลี้ยงปลาไหลควรทำในช่วงเดือน มีนาคมถึงตุลาคมเพราะเป็นช่วงฤดูผสมพันธุ์ของปลาไหล ทั้งนี้วิธีการดูแลก็เพียงแค่เปลี่ยนน้ำทุกๆ 10 วันก็พอแล้ว จากนั้นก็รอให้ตัวเมียวางไข่และเมื่อออกลูกแล้วค่อยอนุบาลปลาไหลกันต่อไป เมื่อโตเต็มวัยก็สามารถนำไปขายได้แล้ว ปลาไหลสามารถสร้างรายได้งามได้และยังให้ราคาดีอีกด้วย