“นกกระทา” ถูกนำมาเลี้ยงครั้งแรกที่ไหนยังไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด แต่ในโซนเอเชียบ้านเราแล้ว ประเทศแรกที่เลี้ยงนกกระทาคือประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในระยะแรกนั้นเขาเลี้ยงเอาไว้ฟังเสียงร้องเหมือนการเลี้ยงนกเขาในเมืองไทยเรา ต่อมาได้มีการปรับปรุงพันธุ์และพัฒนาสายพันธุ์ จนได้พันธุ์นกกระทาที่ให้ไข่ปริมาณเยอะ จนเกิดการเลี้ยงในเชิงการค้าขึ้น
นกกระทาในประเทศไทยเรานั้น มีสายพันธุ์มากกว่า 12 สายพันธุ์ แต่เกษตรกรเรานั้นนิยมเลี้ยงนกกระทาพันธุ์ญี่ปุ่นมากที่สุด เพราะให้ไข่และมีเนื้อมากกว่าพันธุ์พื้นเมืองอื่นๆ แม้ว่านกกระทาจะยังไม่เป็นที่นิยมเลี้ยงมากเท่าไร แต่มีข้อดีในเรื่องระยะเวลาการเลี้ยงที่ไม่นานและต้นทุนการเลี้ยงที่ต่ำกว่าการเลี้ยงสัตว์ปีกประเภทอื่น
วัตถุประสงค์ในการเลี้ยงนกกระทาในเชิงการค้านั้น เราสามารถแยกออกเป็นการเลี้ยงเพื่อเพาะพ่อแม่พันธุ์ขายให้ลูกค้านำไปขยายพันธุ์ต่อไป และการเลี้ยงนกกระทาเพื่อนำไข่ไปขาย ซึ่งกระบวนการเลี้ยงก็แตกต่างกันไป หากเราจะทำพ่อแม่พันธุ์ขาย เราต้องเลือกแม่พันธุ์ที่ให้ผลผลติสูง นำพ่อพันธุ์ 2 ตัวและแม่พันธุ์ 5 ตัวปล่อยไว้ในกรงขนาด 40*40 เซนติเมตร จนกว่าจะได้ไข่ แล้วนำไปไว้ในตู้อบฟักไข่ที่มีอุณหภูมิ 36-37 องศาเซลเซียส ประมาณ 2-3 สัปดาห์ จนออกมาเป็นลูกเจี๊ยบตัวจิ๋ว แล้วนำไปปล่อยในกรงอนุบาล ที่สร้างจากตาข่ายถี่ๆ ขนาด 2*2 เมตร สามารถจุลูกเจี๊ยบได้ 400 ตัว ในกรงควรมีไฟ 100 วัตต์เพื่อให้ความร้อนแก่ลูกนกกระทาต่อไป 2-3 สัปดาห์ แล้วจึงย้ายไปไว้ในกรงนกกระทารุ่นอีก 3 สัปดาห์ ก่อนที่จะคัดนกกระทาเพศเมียไปทำหน้าที่นกกระทาไข่ ส่วนนกตัวผู้ขายเป็นนกกระทาเนื้อ การสังเกตเพศ ดูได้จากขนใต้คาง หากมีขนสีขาวคือตัวเมีย แต่ขนสีแดงจะเป็นตัวผู้
การเลี้ยงนกกระทาไข่ เราจะให้อาหารทุกเช้าและบ่าย วันละ 2 หน ใน 1 กรง เราจะเลี้ยงนกไว้ 6 ตัว แต่หากเป็นฤดูหนาวควรเลี้ยงประมาณ 7 ตัว เพื่อให้เกิดความอบอุ่น การให้อาหารควรให้อาหารที่มีโปรตีนสูง และควรทำความสะอาดรางน้ำและอาหารทุกวัน รวมทั้งทำความสะอาดของกรงปีละครั้ง เพื่อสุขลักษณะที่ดี ป้องกันไม่ให้นกเจ็บป่วยเป็นโรคได้
เมื่อถึงช่วงเก็บผลผลิต เราควรเก็บผลผลิตช่วงเย็น เพื่อเตรียมนำส่งสู่ตลาดในเช้าวันรุ่งขึ้น โดยไข่นกกระทาสดจะมีอายุการเก็บรักษาไว้ได้เพียง 10 วัน และนกกระทาแต่ละรุ่นจะให้ไข่ได้ประมาณ 9 เดือน หลังจากหยุดให้ไข่ เราก็จะนำไปเลี้ยงเป็นนกเนื้อกันต่อไป และในช่วงฤดูหนาว เราต้องหากล่องกระดาษมาบุรอบกรงให้ทึบ เพื่อกันลมหนาว และควรนำผ้าหนาๆ มารองไว้ในกรงเพื่อให้ความอบอุ่นแก่นกด้วย
โดยรวมแล้วการเลี้ยงนกกระทาเพื่อขายไข่นั้น จะใช้เวลาทั้งหมดราว 6-8 สัปดาห์ก็จะได้ผลผลิตกันแล้ว และตลาดเองก็ยังต้องการไข่นกกระทาจำนวนมาก หากเราพัฒนาการเลี้ยงให้ดี ก็จะมีโอกาสที่รายได้จะเติบโตขึ้นมากเลย