“มะม่วงมหาชนก” เป็นมะม่วงที่มีคุณลักษณะโดดเด่น ทั้งเรื่องของรูปทรงผล สีสวย รสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อยเมื่อสุกจัด มีกลิ่นหอมรุนแรง เนื้อผลเยอะ เมล็ดแบนขนาดเล็ก ไม่ค่อยมีเสี้ยน เหมาะแก่การรับประทานผลสุกแบบสดๆ หรือจะนำไปแปรรูปเป็นแยมทาปาด ทำไอศกรีมหรือทำน้ำมะม่วง แต่โดยส่วนใหญ่จะคัดเกรดกันก่อน โดยเกรดที่มีสีผิวสวย ขนาดผลใหญ่ จะนิยมส่งออกเพราะได้ราคาดี ส่วนที่ตกเกรดแล้วจะนำมาปอกเปลือกและทำเป็น มะม่วงแช่แข็งเพื่อส่งออก เหลือเพียงบางส่วนเท่านั้นที่จะนำมาแปรรูปเป็นน้ำผลไม้หรือแยม แต่ปัจจุบันมีเจ้าของสวนหลายแห่งเน้นการผลิตเพื่อนำไปแปรรูปโดยเฉพาะ เพื่อลดต้นทุนค่าขนส่งและเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่ผลผลิตได้อย่างดี
“มะม่วงมหาชนก” เป็นต้นไม้ที่ทนต่อความแห้งแล้งและความร้อนได้ดี แต่หากปลูกในพื้นที่ที่มีอากาศเย็นจะช่วยกระตุ้นการออกดอกได้ดีกว่า โดยในประเทศไทยเราสามารถปลูกได้แทบทุกภาคยกเว้นภาคใต้ เพราะหากฝนตกชุกเกินไปจะส่งผลกระทบต่อการออกดอก ทำให้ไม่ได้ผลผลิต และความชื้นจากฝนอาจทำให้เกิดการระบาดของเพลี้ยจักจั่นที่คอยก่อกวนให้ผลผลิตเกิดความเสียหายได้ การปลูกโดยทั่วไปควรยกร่องขึ้นราว 1 เมตร ให้ดินสามารถระบายน้ำได้ดี ป้องกันความเสี่ยงจากน้ำท่วม ความกว้างของแปลงราว 4-6 เมตร เว้นระยะห่างระหว่างแปลงราว 1.5-2 เมตรเพื่อให้เกิดการระบายน้ำได้ดี การเตรียมดินให้เติมปุ๋ยคอกปุ๋ยอินทรีย์คลุกเคล้ากับดินให้เข้ากัน หากพื้นที่ปลูกเป็นดินเปรี้ยว ต้องทำการปรับสมบัติดินด้วยปูนขาวก่อน แล้วจึงปลูกพืชตระกูลถั่วเพื่อไถกลบเป็นปุ๋ยพืชสด เป็นการเพิ่มสมบัติในดินซึ่งจะช่วยทำให้ต้นมะม่วงเติบโตและให้ผลผลิตดี ซึ่งมักนิยมปลูกปอเทืองกันเป็นส่วนใหญ่
สำหรับการปลูกต้นมะม่วงมหาชนกนั้น ควรขุดดินให้มีขนาดความกว้างและความลึก 30 เซนติเมตร แล้วนำต้นพันธุ์ลงปลูกพร้อมกลบดินบริเวณโคนต้นให้พูนเล็กน้อย และใช้ไม้มาค้ำยันลำต้นไว้ ก่อนที่จำรดน้ำให้พอชุ่ม ระยะห่างระหว่างต้นควรมากกว่า 4-8 เมตร เพื่อให้แสงแดดส่องถึงผลมะม่วงอย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้มะม่วงมีสีผลสวยและกลิ่นแรง ในช่วงที่ต้นมะม่วงเริ่มออกดอก ให้เราหมั่นตรวจตราต้นพืชเพราะมักจะมีเพลี้ยจักจั่นและราดำมาก่อกวนทำให้ติดผลได้ยาก และเมื่อเริ่มตกลูกเราต้องทำการตัดใบไม้ออกบ้าง เพื่อให้แสงส่องถึงผลมะม่วงมหาชนกทุกผล โดยจะใช้เวลาราว100- 120วันหลังจากติดดอกจึงจะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้