เผือกหอมบ้านหมอ พูดเบาๆก็อร่อย

วันนี้ “ขุนพิเรนทร์” เดินผ่านสินค้าเกษตรในห้างย่านบางนา ซึ่งมีผลผลิตของเกษตรกรจำหน่ายหลากหลาย และหนึ่งในนั้นคือ “เผือกหอมบ้านหมอ” 

ช่วงนี้ “ขุนพิเรนทร์” โดนด่าว่า “เผือก” หลายครั้ง  เลยนึกอยากจะกินเผือกขึ้นมา กินเสร็จแล้วจะเผือกเรื่องชาวบ้านต่อ 

จากข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตร “เผือก” เป็นพืชหัวที่มีต้นคล้ายบอนมีความต้องการน้ำหรือความชื้นในการเจริญเติบโตค่อนข้างสูง เผือกจึงชอบดินอุดมสมบูรณ์ และสามารถอุ้มน้ำไว้ได้มากสามารถปลูกได้ทั่วทุกภาค ในแหล่งที่มีน้ำชลประทานดีจะสามารถปลูกเผือกได้ตลอดปี 

ส่วนในแหล่งที่มีน้ำจำกัดควรปลูกเผือกในช่วงฤดูฝนเท่านั้น เผือกปลูกได้ทั้งในที่ลุ่มและดอน สภาพไร่ที่ลาบสูง ไหล่เขาและปลูกได้ในดินหลายชนิด ยกเว้นดินลูกรัง ดินที่เหมาะสมสำหรับการปลูกเผือกมากที่สุด คือ ดินร่วนปนทราย มีอินทรียวัตถุสูง หน้าดินลึก ระบายน้ำดี

เผือกที่ดังที่สุดไม่ใช่เผือกที่กระทรวงเกษตรฯนะครับ แต่เป็นเผือกที่จังหวัดสระบุรี โดยเฉพาะ อำเภอบ้านหมอ อำเภอดอนพุด และอำเภอหนองโดน เป็นแหล่งปลูกเผือกที่สำคัญ 

การปลูกเผือกของเกษตรกรที่นี่ จะเป็นอาชีพเสริมสลับกับการทำนา โดยทำกันมานานกว่า 50 ปี เผือกที่ปลูกด้วยสายพันธุ์เผือกหอมเชียงใหม่  มีจุดเด่นคือ เนื้อเผือกมีลายสีม่วง และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร และด้วยจุดเด่นของสภาพพื้นที่ ทำให้เผือกหอมที่นี่มีคุณภาพดีมาก 

IMG 6168

ทั้งนี้ เผือกหอม เป็นเผือกชนิดหัวใหญ่ เนื้อสีขาวอมม่วงอ่อน อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 7-8 เดือน น้ำหนักหัวประมาณ 2-3 กิโลกรัม กาบใบใหญ่สีขาว เมื่อต้มสุกแล้วมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว

เผือกที่สุดจัดแบบนี้ เรียกกันว่า “เผือกหอมบ้านหมอ” ซึ่ง กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์  ประกาศขึ้นทะเบียนสินค้า GI ไทย เป็นลำดับที่ 154 

ใครที่ยังไม่ลองเชิญครับ หอมจริง อร่อยด้วย ส่วน “ขุนพิเรนทร์” กินแล้วจะไปดำเนินการเผือกเรื่องชาวบ้านต่อ “รักต้องเผือก”